วิสาหกิจเพื่อสังคม คืออะไร  186

คำสำคัญ : วิสาหกิจเพื่อสังคม    Social  Enterprise  

วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) คืออะไร

Kim Alter ผู้ประกอบการเพื่อสังคม นวัตกรและนักวิชาการชาวสหรัฐอเมริกา ได้นิยาม วิสาหกิจเพื่อสังคมหรือกิจการเพื่อสังคมว่าเป็น กิจการลูกผสม (Hybrid Organization) คือ เรามีกิจการที่มีวัตถุประสงค์์เพื่อสาธารณประโยชน์์ (Purely Philanthropic) ที่มีแรงจูงใจการทำงานจากความปรารถนาดีีเพื่อสังคมส่วนรวม โดยใช้ภารกิจเพื่อสังคมเป็นตัวนำ มีเป้้าหมายเพื่อสร้างคุณค่าทางสังคม โดยนำรายได้้และกำไรมาหมุนเวียนกลับคืนสู่่กิจกรรมที่่นำไปสู่่ภารกิจเพื่อสังคม หรือกล่าวง่าย ๆ คือเป็นกิจการที่่ทำเพื่อสังคมไม่่ได้้แสวงหาผลกำไร ส่วนอีกขั้วหนึ่ง เรามีกิจการที่่แสวงหากำไร (Purely Commercial) แบบบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ที่มีแรงจูงใจเพื่อประโยชน์์ส่วนบุคคล ใช้ตลาดเป็นตัวนำเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เมื่อได้รายได้และผลกำไรก็กระจายกลับสู่ผู้ถือหุ้นและเจ้าของกิจการ ส่วน กิจการลูกผสม (Hybrid Organization) จะอยู่่ระหว่างกลางของกิจการแบบขั้วทั้งสอง แรงจูงใจจะเกิดจากการผสมผสาน ทั้งเพื่อสังคมส่วนรวมและประโยชน์์ส่วนบุคคล ผสมผสานความมุ่งขับเคลื่อนภารกิจเพื่อสังคมพร้อมกับตอบโจทย์ตามความต้องการของตลาด นำรายได้และกำไรมาลงทุนในกิจกรรมที่สอดคล้องกับภารกิจเพื่อสังคม ต้นทุนการดำเนินงานหรือในการเติบโตทางธุรกิจ

กิจการแบบลูกผสมของ SE จะมีเป้าหมายทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมเป็นตัวขับเคลื่อน (Mission Motive) ในขณะที่ยังคงมีความสามารถในการสร้างกำไรเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายเพื่อสังคมได้้อย่างยั่งยืนทางธุรกิจ (Profit-Making Motive) มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ถือหุ้นของกิจการ และนำรายได้้กลับมาลงทุนในเป้าหมายทางสังคมและต้นทุนการดำเนินงานของกิจการต่อไป

🔸ระบบนิเวศของ Social Enterprise ในประเทศไทยเป็นอย่างไร?

ประเทศไทยมีหน่วยงานที่มีบทบาทในการขับเคลื่อน SE อย่างภาครัฐ ที่มีบทบาทในการกำกับดูแล และส่งเสริมผู้ให้ทุน และองค์กรที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานให้กับ SE ซึ่ง SE จะประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม โดยพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและผู้ที่ได้รับประโยชน์ทางสังคม ซึ่งระบบนิเวศของ SE ในประเทศไทยอยู่ในระยะเริ่มต้น มีหน่วยงานนโยบายเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหน่วยงานให้ทุนบ้างแต่ไม่มากนัก และมีหน่วยงานช่วยบ่มเพาะและหน่วยงานวิชาการเพิ่มมากขึ้น แต่ยังน้อยกว่าประเทศชั้นนำด้าน SE เช่น สหราชอาณาจักร หรือ สิงคโปร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ วิสาหกิจเพื่อสังคมในประเทศไทยยังพบปัญหาหลายประการ เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในประเทศ โมเดลธุรกิจเพื่อสังคม ตลาดและผู้บริโภค ความรู้ข้อมูลด้านธุรกิจกฎระเบียบ เครือข่ายและการวัดผลลัพธ์ทางสังคม เป็นต้น

จากปัญหา (Pain Points) ของวิสาหกิจเพื่อสังคมในไทย สามารถแบ่งตามเส้นทางการพัฒนา Social Enterprise (Journey Map) ออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้

🔹 ช่วงที่ 1 ระยะเริ่มต้นวิสาหกิจเพื่อสังคม

1. รูปแบบองค์กรเพื่อสังคม แบบสมาคมหรือมูลนิธิ มีข้อจำกัด ต้องพึ่งพาเงินบริจาค องค์กรจึงต้องการรูปแบบการดำเนินงานแบบอื่น ๆ ที่จะสามารถหารายได้เพื่อนำมาขยายผลลัพธ์ทางสังคมและเลี้ยงดูองค์กรได้อย่างยั่งยืน

2. การขับเคลื่อนองค์กรให้ตอบโจทย์ทั้งสังคมและธุรกิจ เป็นเรื่องที่ยากกว่าการตอบโจทย์ธุรกิจเพื่ออย่างเดียว ดังนั้นการพัฒนาโมเดลธุรกิจให้ตอบโจทย์สังคมและเศรษฐกิจจึงมีความท้าทายอย่างมาก

3. ขาดแหล่งเงินทุนเพื่อวิสาหกิจเพื่อสังคมที่หลากหลาย

4. ขาดความรู้ด้านการจัดการบัญชี การเงิน ธุรกิจ ภาษีมูลค่าเพิ่มในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มาจากด้านสังคม ที่ขาดความรู้ทางธุรกิจ

5. การช่วยเหลือและส่งเสริมอย่างเหมาะสม โมเดลธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคมมีความคล้ายธุรกิจ SMEs แบบเดิมโดยทั่วไป และมีลักษณะแบบสตาร์ทอัพ ซึ่งการพัฒนาโมเดลจะแตกต่างกัน จึงต้องการความช่วยเหลือหรือการส่งเสริมที่แตกต่างกัน

6. ต้องการศูนย์บ่มเพาะ (Incubator) หรือพี่เลี้ยง (Mentor) ในด้านการประกอบการเพื่อสังคม จำนวนมากและหลากหลายความเชี่ยวชาญ

7. บางองค์กรไม่ได้ต้องการจดทะเบียนวิสาหกิจเพื่อสังคมตามกฎหมาย เนื่องจากต้องการเป็นธุรกิจที่มีการดำเนินงานเพื่อสังคม แต่ไม่ได้ต้องการมี Branding ว่าเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม

🔹 ช่วงที่ 2 ระยะดำเนินการวิสาหกิจเพื่อสังคม

1. การควบคุมคุณภาพสินค้าและการบริหารจัดการลูกค้า และชุมชนผู้ผลิต ยากขึ้นมาก เมื่อมีจำนวนลูกค้าและคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนเพิ่มขึ้น

2. ผู้บริโภคในประเทศไทยยังไม่ตื่นตัวกับวิสาหกิจเพื่อสังคม ยังไม่ให้มูลค่ากับความสร้างสรรค์และมีภาพจำว่าของจากชุมชนราคาถูก แม้จะมีการออกแบบที่ดี ทำให้้ขาดตลาดภายในประเทศที่่รองรับสินค้าสร้างสรรค์และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

3. ขาดเงินทุนในช่วงแรก ที่กิจการอาจจะเผชิญการขาดทุนแบบกิจการสตาร์ทอัพ

4. การเข้าถึงตลาดภาครัฐมีความยาก โดยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่ามีการให้แต้มต่อหรือสิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แม้้จะมีกฎระเบียบออกมาแล้ว

🔹 ช่วงที่ 3 ระยะขยายวิสาหกิจเพื่อสังคม

1. โมเดลธุรกิจมุ่งในเชิงท้องถิ่น ไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับขยายผลได้ในหลายพื้นที่พร้อม ๆ กัน

2. ต้องมีการปรับสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับการขยายผลในพื้นที่ใหม่ ต้องลงทุนใหม่เพื่อทดสอบและทดลองตลาด ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบนิเวศที่สนับสนุน

3. ขาดความรู้ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ ซึ่งต้องการกลไกภาครัฐเข้ามาชี้แนะ

4. ความลำบากเมื่อต้องทำงานหรือติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน การทำงานแบบราชการอาจมีีแยกเป็นส่วน ๆ ในขณะที่่วิสาหกิจเพื่อสังคมมองประเด็นทางสังคมที่่เชื่อมโยงกัน เช่น การศึกษากับสุขภาพ

5.ระบบนิเวศสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในประเทศไทยมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ

ข้อมูลจาก : สมุดปกขาว “กลไกการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อสร้างความยั่งยืนด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรม” 


เขียนโดย : ดร.สุมนรัตน์  ริยาพันธ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : sumonrat.r@mhesi.go.th

SE เป็นสื่งที่พี่อยากผลักดันมาก ได้เริ่มทำย้างกับเรือข่ายเกษตรอินทรีย์ที่พะเยา โดยช่วยก่อตั้ง OPSE  หรือ Organic Phayao Social Entreprise ใยรูปแบบ 70:30 เพื่อเป็นกลไกซื้อขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน

เขียนโดย นายเอกพงศ์  มุสิกะเจริญ

ธุรกิจเพื่อสังคม มีพื้นฐานมาจากการเป็นธุรกิจที่ไม่หวังผลกำไร แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไร หลายธุรกิจประสบความสำเร็จมีการขยายตลาด ทำกำไรได้มาก ซึ่งรายได้และกำไรที่ได้มานี้ได้นำกลับมาใช้ในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น R2R (Rags to Riches) ซึ่งเริ่มต้นจากนักศึกษาฟิลิปปินส์ต้องการสร้างอาชีพให้ชาวสลัมโดยนำเศษผ้าจากกองขยะถักเป็นผ้าเช็ดเท้าขาย และได้รับความช่วยเหลือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากดีไซเนอร์หลายราย จนปัจจุบันขยายธุรกิจส่งออกสินค้าแฟชั่นไปในระดับนานาชาติ 

เขียนโดย ดร. มุทธมาศ  วงศ์วานิช