Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
เครือข่ายนวัตกรรม 280
เครือข่ายนวัตกรรม (Innovation Network)
เครือข่ายนวัตกรรมเป็นโครงสร้างที่สำคัญที่ช่วยให้นวัตกรรมและไอเดียใหม่สามารถเกิดขึ้น และขยายตัวไปสู่ตลาดได้ การเชื่อมโยงขององค์ประกอบเหล่านี้มีผต่อความสำเร็จในการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้:
1. สถาบันการศึกษาและวิจัย:มหาวิทยาลัย, สถาบันวิจัย, และศูนย์วิจัยเป็นส่วนสำคัญของเครือข่าย. พวกเขาเป็นแหล่งการสร้างความรู้และนวัตกรรมที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์
2. ธุรกิจและอุตสาหกรรม:บริษัทและอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ตลาด. พวกเขาเป็นผู้เปิดโอกาสให้นวัตกรรมได้รับการนำไปใช้ในโลกธุรกิจ
3. นักวิจัยและผู้ประกอบการ:บุคคลที่มีความรู้และทักษะทางวิชาชีพในด้านต่างๆ. พวกเขาเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษาและธุรกิจ
4. องค์กรและทรัพยากรที่สนับสนุน:องค์กรที่มีการให้การสนับสนุนในด้านการเงิน, บริการที่เกี่ยวข้อง, และทรัพยากรที่สำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรม
5. ผู้บริโภคและตลาด:ผู้บริโภคและตลาดที่มีความต้องการในการนวัตกรรม. การเชื่อมโยงกับผู้บริโภคช่วยให้นวัตกรรมตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
6. กฎหมายและนโยบาย:นโยบายและกฎหมายที่สนับสนุนการพัฒนาและการนำนวัตกรรมเข้าสู่ตลาด สร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเป็นกลางและสนับสนุนการบริหารจัดการที่ดี
7. เครือข่ายการสื่อสาร:เครือข่ายการสื่อสารที่ช่วยให้ข้อมูลและนวัตกรรมถูกแชร์ไปยังส่วนต่างๆ ในเครือข่าย
8. ทุน:การให้ทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา, การทดสอบ, และการนำนวัตกรรมไปสู่ตลาด
9. การตลาดและการขาย:กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเชิงพาณิชย์ต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรม
10. การจัดการและการบริหาร:การบริหารโครงการ, วางแผน, และการบริหารทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม
11. การสร้างพันธมิตร:การทำงานร่วมกับผู้ที่มีความสนใจเดียวกันเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและการพัฒนา
12. ผู้นำและความมุ่งมั่น:บุคคลที่มีความสามารถในการนำทีมและความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรม
ในทางวิชาการนั้น เครือข่ายนวัตกรรมสามารถจําแนกได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านเครือข่ายนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จนถึงการศึกษาระบบนิเวศนวัตกรรม โดยในที่นี้ ผู้ขอประเมินจะขอนำเสนอในรูปแบบที่มีความสอดคล้องกับกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคที่ได้ดำเนินการในปัจจุบัน โดยจะนำเสนอเครือข่ายนวัตกรรมแบบ Quadruple Helix หรือ จตุรภาคี 4ประสาน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน ชุมชน สังคม มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และเครือข่ายต่างประเทศ เพื่อเลือกรับพัฒนาต่อยอด และปรับใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีให้เหมาะสม
"Quadruple Helix Model" เป็นกรอบแนวคิดที่กล่าวถึงการร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและการพัฒนา ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวความคิดแบบ Triple Helix Model ที่มีเพียงสามส่วนได้แก่ ภาครัฐ (Government), ภาคธุรกิจ (Business), และ ภาควิชาการ (Academia) ในขณะที่ Quadruple Helix Model ขยายมุมมองนี้ด้วยการรวมเพิ่มเติมอีกหนึ่งภาคส่วนคือ ภาคประชาชน (Civil Society) เข้าไปในกรอบแนวคิด โดยองค์ประกอบทั้ง 4ภาคส่วนนี้ได้แก่
ภาครัฐ (Government): เป็นผู้กำหนดนโยบายและมีบทบาทในการสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ภาครัฐทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดนโยบายที่ส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำธุรกิจ สร้างโอกาสให้ธุรกิจได้เติบโตอย่างยั่งยืน
ภาคธุรกิจหรือเอกชน (Business): บริษัทและผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจมีบทบาทในการพัฒนาและการนำนวัตกรรมสู่ตลาด การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ และการร่วมงานกับภาควิชาการเป็นส่วนหนึ่งในบทบาทของภาคธุรกิจในการร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาด ซึ่งภาควิชาการหรือนักวิจัยอาจจะไม่สามารถเข้าใจการตลาดหรือสถานการณ์ของภาคธุรกิจได้อย่างถ่องแท้
ภาควิชาการ (Academia): มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา รวมถึงสถาบันวิจัยมีหน้าที่ในการสร้างความรู้ การวิจัย และการศึกษา สถาบันวิชาการเหล่านี้ เป็นแหล่งผลิตความรู้และเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติ สร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกับภาคธุรกิจ
ภาคประชาสังคม (Civil Society): ประชาชน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร องค์กรทางการกุศล และกลุ่มสังคมมีบทบาทในการนำเสนอมุมมองของประชาชน การสนับสนุนทางสังคม และการร่วมมือในการแก้ไขปัญหาทางสังคม เป็นทั้งผู้บริโภค ผู้ใช้นวัตกรรม และยังเป็นแหล่งไอเดียที่เป็นเสียงสะท้อนจากการใช้งานนวัตกรรม งานวิจัย เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
โดยการรวมกันของจตุภาคี 4ประสานนี้ มีเป้าหมายที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรม สนับสนุนความคิดใหม่ๆ และตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม การทำงานร่วมกันของทั้งสี่ส่วนนี้ทำให้ Quadruple Helix Model เป็นกรอบที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน