Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
										
										 สรุปการแถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย (Ignite Thailand) โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน  339
สรุปการแถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย (Ignite Thailand) โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน  339 		
									
								
																	
									 สรุปการแถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย (Ignite Thailand) โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน  339
สรุปการแถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย (Ignite Thailand) โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน  339 		
									
										คำสำคัญ : ignite  thailand  แถลงการนายกรัฐมนตรี  
										
										
	 
	
		 
	
		
			 
		
			
	
	
		 
	
		
			 
		
			
				 
			
				
					 
				
					
						 
					
						
				
			
		
	
										
											
										ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision "IGNITE THAILAND: จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง" เพื่อมุ่งเป้าหมายในการพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมทุกด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยว การรักษาพยาบาลและสุขภาพ อาหาร การบิน การผลิตยานยนต์ที่เป็นแบรนด์แห่งอนาคต เทคโนโลยี และการเงิน
	          โดยวิสัยทัศน์แรก นายกฯ เศรษฐา วางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว ทั้งนี้ ไทยมีขนาดพื้นที่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมเป็นอันดับที่ 8 โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของคนไทยมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากร คิดเป็นประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 70% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงการเสริมสร้าง Soft Power และเน้นจุดเด่นของประเทศไทยในสายตาของสังคมโลก ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม งานเทศกาล คอนเสิร์ต งานภาพยนตร์ งานศิลปะ อาหาร กีฬา และศิลปะป้องกันตัว รวมทั้งผลักดันให้บางจังหวัดกลายเป็นมรดกโลก เช่น จังหวัดน่าน และรัฐบาลจะปลดล็อกข้อจำกัดและข้อกังวลต่าง ๆ ของการท่องเที่ยว ผ่านการให้วีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน เพื่อทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของการเดินทางในภูมิภาคและใน CLMV นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในประเทศไทยจะต้องได้รับการส่งเสริมต่อยอดในทุกด้าน ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง โดยจะต้องพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความพร้อมและปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ เช่น การกำหนดเวลาเปิด-ปิดของสถานบริการ การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการแก้ไขภาษีเพื่อการจัดงานหรือการแข่งขันต่าง ๆ และการสนับสนุน Homestay ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานของทุกพื้นที่จะต้องนำประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต มาสร้างเป็นจุดขาย และรัฐบาลจะปลดล็อกกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้จัดงานระดับโลกสามารถมาจัดงานในประเทศไทยได้โดยสะดวก ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต ภาพยนตร์ หรืองานศิลปะ ทั้งหมดนี้จะทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้รับประโยชน์ เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สินค้าของท้องถิ่น และสินค้าเกษตร เป็นต้น
		          วิสัยทัศน์ที่ 2 ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ โดยผลักดันให้อุตสาหกรรมสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นศูนย์ระดับโลกที่ดูแลสุขภาพครบวงจร ระบบการรักษาพยาบาลของประเทศไทยมีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งด้านบุคลากรที่มีคุณภาพและมีจิตใจบริการ สามารถดูแลสุขภาพได้ครอบคลุมตั้งแต่เกิดจนถึงวัยชรา โดยมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม จากข้อมูลในปี 2566 พบว่าการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพได้สร้างรายได้มากกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงระบบรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นสำหรับคนไทย รัฐบาลกำลังพัฒนาระบบประกันสุขภาพจาก 30 บาทรักษาทุกโรคไปสู่ราคา 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง โดยใช้เทคโนโลยี AI เชื่อมโยงฐานข้อมูลทั้ง 77 จังหวัดด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกนำร่องไปแล้วใน 4 จังหวัดและคาดว่าจะขยายไปยังจังหวัดทั้งหมดภายในปีปัจจุบัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนที่เพิ่มจำนวนหมอและพยาบาลให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรให้ดีขึ้น สนับสนุนการแพทย์แผนไทยและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ได้รับใบรับรองประกาศนียบัตร และเสนอแนะให้เปิดศูนย์ Wellness Center ในต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงของการดูแลสุขภาพแบบไทยในระดับโลก
	
			          วิสัยทัศน์ที่ 3 ศูนย์กลางด้านอาหาร มุ่งเน้นการยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทยเพื่อให้ประเทศมีความอุดมสมบูรณ์ในด้านอาหาร เน้นหลักการ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋าต้องมีเงิน" เพื่อให้ไทยเป็นครัวของโลกที่สามารถผลิตอาหารทุกประเภทและส่งออกไปยังตลาดโลกได้ โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นให้เกษตรกรไทยมีรายได้มากขึ้น 3 เท่าใน 4 ปีของรัฐบาลนี้ โดยการดูแลทั้งดิน น้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และพันธุ์ปลาให้อุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งการขยายแหล่งชลประทานเพื่อครอบคลุม 40 ล้านไร่ โดยใช้เทคโนโลยี Precision Agriculture เพื่อการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการดูแลปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย และรัฐบาลยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต เช่น การพัฒนาอาหารโปรตีนสูงจากพืช และการสร้างอาหารที่แปลกใหม่ เพื่อให้ไทยเป็นผู้เล่นที่สำคัญในด้านอาหารของโลก นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เปิดร้านอาหารในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้ไทยกลายเป็นปัจจัยที่ 4 ของโลกในด้านอาหาร รวมถึงการสร้างรายได้และความเจริญของเกษตรกรและผู้ประกอบการในประเทศไทยด้วย
		
				          วิสัยทัศน์ที่ 4 ด้านศูนย์กลางการบิน โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจทั่วโลก ไทยมีจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ที่มีประชากรโดยรอบมากกว่า 280 ล้านคน ติดอันดับ 5 ของโลก และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวและการทำธุรกิจในทุกระดับและราคา ซึ่งรัฐบาลมีแผนในการพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับการแวะจอดของสายการบิน และการปรับแต่งเส้นทางและตารางเที่ยวบินให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความจุในการลงจอด เนื่องจากไทยมีระยะทางไปยังศูนย์กลางเศรษฐกิจทั่วโลกใกล้กว่าประเทศอื่น ๆ รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการพัฒนาสนามบินทั้งในเมืองหลักและเมืองรองให้เป็นฐานที่เหมาะสม และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเช่น รันเวย์ อาคารผู้โดยการ คลังสินค้า ระบบขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และการเพิ่มบุคคลากร การตรวจความปลอดภัย และการเสริมคุณภาพการบริการ การพัฒนาศูนย์กลางการบินในประเทศไทยจะทำให้ภาคบริการ การขนส่ง โรงแรม การท่องเที่ยว อาหาร สินค้าเกษตร มีการเติบโตและเข้าสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน 
		
			          วิสัยทัศน์ที่ 5 เป็นศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสริมศักยภาพในระบบคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ โดยขยายและปรับปรุงระบบทางหลวง ระบบรางรถไฟ และระบบรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสามารถในการขนส่งและการเคลื่อนย้ายสินค้าและบุคคล ซึ่งจะสร้างโอกาสในด้านเศรษฐกิจและกระจายความเจริญจากเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนในประเทศไทย โครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยมีการขยายทางหลวง Motorway 10 และทางหลวงแผ่นดิน 4 เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านและพัฒนาเส้นทางการขนส่งระหว่างเมือง และมีการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่เพื่อเพิ่มความสามารถในการขนส่งสินค้า ซึ่งมีผลให้ระบบรางระหว่างเมืองมีระยะทางรวมสูงถึง 5,500 กิโลเมตร และระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และภูมิภาคจะมีการเพิ่มระยะทางอีก 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร โดยระบบรถไฟฟ้านี้จะเชื่อมโยงไปยังสนามบิน 3 แห่งและเชื่อมต่อไปยังชายแดนที่สำคัญของประเทศ ทั้งนี้โครงการลงทุนใหญ่ในระดับ Mega project นี้จะเป็นการลงทุนระยะยาว 20 ปี เพื่อเสริมสร้างโอกาสในด้านเศรษฐกิจ และสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการสร้างความสมดุลทางการค้าและทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางขนส่งและการค้าระหว่างประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยรัฐบาลยังมุ่งหวังให้ระบบ One Stop Service เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้เป็นคอขวดของการขนส่ง ทั้งหมดในประเทศและระหว่างประเทศ
		
				          วิสัยทัศน์ที่ 6 เป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ โดยการตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมและเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์เพื่อการผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทย การพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ในประเทศไทยได้รับการตอบรับจากบริษัทรถยนต์ชั้นนำมากมาย โดยมีการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท มีการสนับสนุนจากรัฐบาลและการค้นคว้าวิจัยจากภาคเอกชน และการสร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์เพื่อรองรับทุกขั้นตอนของการผลิตรถยนต์ EV ตั้งแต่การค้นคว้าวิจัย การผลิตชิ้นส่วน การบำรุงรักษา และการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น เครื่องยนต์ Hydrogen เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต และสร้างโอกาสให้กับการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจและเป็นประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว
			
					          วิสัยทัศน์ที่ 7 เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจดิจิตอลในประเทศไทยอย่างยั่งยืน รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะดึงดูดอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยเฉพาะเทคโนโลยี High Tech เช่น การลงทุนในโรงงานผลิต Semiconductor, การสร้างศูนย์ Data Center ที่รองรับ Cloud Computing, การวิจัยและใช้งาน AI ในประเทศไทย รวมถึงการดึงบริษัท Deep Tech เข้ามาผ่านโมเดล Sandbox โดยมีการสนับสนุนทางการเงินเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจ รวมถึงการใช้ Matching Fund เพื่อเติมทุนให้กับบริษัทที่มีศักยภาพด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเน้นการปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจและการดึงคนที่มีความสามารถเข้ามาในประเทศ รวมถึงการสนับสนุนให้บริษัทสามารถสร้างธุรกิจข้ามชาติได้โดยใช้จุดแข็งของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญคือการสร้างโอกาสให้คนไทยสามารถมีส่วนร่วมในธุรกิจดิจิตอลและการสร้าง Startup ของตนเอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้เศรษฐกิจดิจิตอลของไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
				
						          วิสัยทัศน์ที่ 8 เป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบการเงินที่มั่นคงและดึงดูดสถาบันการเงินระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างย่านการเงินสำคัญ หรือ "Wall Street" ของอาเซียนในประเทศไทย โดยการพัฒนา Infrastructure ที่สามารถรองรับระบบการเงินแห่งอนาคตที่ใช้ Blockchain โดยไม่มีตัวกลาง และเตรียมปลดล็อก Digital Asset ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถนำมาใช้งานในโลกดิจิทัลได้ นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาระบบการเงินเพื่อความยั่งยืน เช่น Carbon Credit Trading ซึ่งในอนาคตจะมีความสำคัญมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่สามารถกำกับดูแลระบบการเงิน รวมถึงการพัฒนาระบบกฎระเบียบที่เหมาะสม
					
							           นอกจากนี้ นายกฯ ยังเน้นว่าการทำทุกอย่างให้สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนทุกคน ระบบการทำงานของรัฐจะต้องเปิดเผยและโปร่งใส ให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลและเข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ของรัฐได้ชัดเจน ทั้งนี้รัฐบาลจะอัปเกรดระบบงานของรัฐทั้งหมดเป็นระบบ Cloud เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังมุ่งพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับประชาชน รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันในตลาดแรงงานระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การเน้นความเท่าเทียมในทุกด้าน เช่น เพศสภาพ การประกอบอาชีพ การรักษาพยาบาล และการรับมือกับกลุ่มที่มีความเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงวัย ผู้พิการ หญิงตั้งครรภ์ และเด็ก มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและเท่าเทียม การสร้างสังคมปราศจากอาชญากรรมและยาเสพติดทุกรูปแบบที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย และการพัฒนาเป็นสังคมสีเขียวช่วยลดการใช้พลังงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น
					เขียนโดย :  ดร. มุทธมาศ  วงศ์วานิช
												สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : muttamas.w@mhesi.go.th
						
										
										
		 เครือข่ายส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม
						กปว.#
						 เครือข่ายส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม
						กปว.#