Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...

หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่น ทุกคนจะนึกถึงซูชิ หรือซาชิมิ สั่งเป็นคำๆ ตามที่เราอยากทาน แต่ โอมากาเสะ (OMAKASE)หมายถึงตามใจเชฟ เชฟจะเป็นคนเลือหกวัตถุดิบ และคิดวิธีการปรุงให้เรา เราไม่สามารถเลือได้ ณ ปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่าที่มาของโอมากาเสะเริ่มต้นขึ้นจากร้านไหน เมืองไหน ไม่ได้มีการระบุไว้แน่ชัด แต่ที่ค่อนข้างแน่นอนก็คือการเสิร์ฟแบบโอมากาเสะน่าจะเริ่มต้นขึ้นในร้านซูชิแน่ๆ

โอมากาเสะ (OMAKASE)คือเทรนด์การกินรูปแบบใหม่ที่คนหาโอกาสไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ เพื่อชิมรสมือปรุงสดคำต่อคำจากเชฟยอดฝีมือและเชฟจะเป็นคนเลือกวัตถุดิบให้เรา รวมถึงจะเล่าเรื่องการหาวัตถุดิบชั้นยอดมาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร และจะเล่าวิธีการปรุงอาหาร ดังนั้น โอมากาเสะ (OMAKASE)คือวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นรูปแบบใหม่

หากเปรียบเทียบราคา โอมากาเสะ (OMAKASE)กับการเข้าไปสั่งกินในสิ่งที่ตัวเองชอบนั้น ราคาจะต่างกันมาก ส่วนใหญ่ โอมากาเสะ (OMAKASE)นั้นจะใช้วัตถุดิบที่ดีเลิศ และตามฤดูกาล ซึ่งจะหายาก และมีความสดกว่าวัตถุดิบ และการไปกิน โอมากาเสะ (OMAKASE)นั้น ส่วนใหญ่ต้องจองล่วงหน้า และใช้เวลาในการรับประทานนานกว่าทั่วไป เนื่องจากเชฟบรรยายถึงวัตถุดิบที่เชฟคัดสรรมา และดูการทำที่น่าตื้นเต้น

จากประสบการณ์ในการกินของผม เมื่อ 10 ปีที่แล้วต้องจองเป็นเดือนสำหรับการกิน โอมากาเสะ (OMAKASE)และราคาสูงมาก ปัจจุบันราคาต่อ course ของ โอมากาเสะ (OMAKASE)นั้น ลงมาจาก 10 ปีที่แล้วมาก และหารับประทานได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีหลายร้านที่ทำ โอมากาเสะ (OMAKASE)

การคัดสรรวัตถุดิบใน course ของ โอมากาเสะ (OMAKASE)นั้น จะเริ่มจากรสอ่อนก่อน และเพิ่มรสชาติขึ้น โดยส่วนใหญ่ใน Course ของ โอมากาเสะ (OMAKASE)นั้น จะมี ท้องปลาทูน่า (Fatty tuna หรือ Otoro) ซึ่งเป็นส่วนมัน และมีราคาสูง เพราะเซฟ และคนญี่ปุ่นเห็นว่าเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุด เป็นหนึ่งใน course และในแต่ละ course จะมีประมาณอาหารประมาณ 11 – 20 ชนิด ซึ่งจะรวมซุป ผลไม้ และของหวาน ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นตามปริมาณของชนิดอาหาร และคุณภาพของวัตถุดิบ