รายงานการจัดนิทรรศการและลงพื้นที่ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา หันตรา  17

คำสำคัญ : kpi2025/2  อยุธยา  อววน.  หันตรา  อาหาร  วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว  เทคโนโลยีการเกษตร  

ศูนย์กลางอารยธรรมโบราณ ที่ผสมผสานรสชาติอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ กับมรดกศิลปะวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง

บทนำ

การลงพื้นที่ของนายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา หันตรา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการแสดงผลงานด้านการศึกษา การวิจัย และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยและหน่วยงานท้องถิ่น โดยมีการจัดแสดงบูธนิทรรศการจำนวน 20 บูธ ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเกษตรและอาหาร วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และ Green Society ทั้งนี้ยังมีการนำเสนอผลงานของคณะเทคโนโลยีการเกษตรจำนวน 6 บูธที่สะท้อนความก้าวหน้าด้านการเกษตรและการแปรรูปอาหารเพื่ออนาคต

การจัดนิทรรศการดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงศักยภาพทางวิชาการและงานวิจัยของมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นเวทีในการเชื่อมโยงองค์ความรู้กับการพัฒนาเชิงพื้นที่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบแนวคิด BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ

 

สรุปสาระสำคัญของบูธนิทรรศการ

1. คณะเทคโนโลยีการเกษตร (6 บูธ)

เทคโนโลยีการผลิตพืชรองรับ Climate Change: การปรับปรุงพันธุ์พืช เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพดเทียน และการใช้พืชอาหารเป็นยา

แมลงกินได้: การเลี้ยงจิ้งหรีดในระบบปิดเพื่อผลิตโปรตีนทางเลือกใหม่

BioMEBs: ใช้จุลินทรีย์ท้องถิ่นเพื่อป้องกันโรค ย่อยสลายตอซัง และปรับปรุงคุณภาพหนอนไหม

Kale Plants: ชุดปลูกผักเคลสำเร็จรูปเป็น Functional food

NIR Spectroscopy: ตรวจสอบความสุกของทุเรียนด้วยเทคโนโลยีแม่นยำ

Zero Waste: การผลิตพลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ และผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ เช่น ช้อนข้าวหัก

 

2. ด้านการศึกษา (8 บูธ)

ผลงานการสอนและวิจัยจาก 6 คณะ (ศิลปศาสตร์ วิศวกรรมฯ วิทยาศาสตร์ฯ บริหารธุรกิจฯ เกษตรฯ ครุศาสตร์ฯ)

นวัตกรรมการเรียนการสอน เช่น การใช้ดิจิทัล การเรียนรู้เชิงบูรณาการ และโครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

3. ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับอาหารท้องถิ่น (5 บูธ)

งาน BCG Model เช่น ไซรัปข้าวดำละโว้

การผสมโคเนื้อด้วยเทคโนโลยี ววน.

ผลิตภัณฑ์เห็ดตับเต่าแปรรูป

GI ละมุดบ้านใหม่ (ไอศกรีมละมุด)

พัฒนาผลิตภัณฑ์แห้วสุพรรณ (GI + Fine dining + Ready to eat)

4. ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว (5 บูธ)

การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนด้วยนวัตกรรม (อู่ทอง สุพรรณบุรี)

ชุมชนต้นตาล (เศรษฐกิจพอเพียง + BCG)

อาหารพหุวัฒนธรรมเมืองเก่าอยุธยา

Digital Heritage (โมเดล 3D, AR, Animation)

ผลิตภัณฑ์ผ้าจุฬาพัสตร์ วัดย่านอ่างทอง

5. ด้าน Green Society (2 บูธ)

Green Energy Smart City Transport (EV Rail พลังงานแสงอาทิตย์)

Eco-Products ผลิตภัณฑ์สีเขียว เช่น ไข่เค็มพอกใบเตย โคมไฟจากซังพืช

วิเคราะห์

จากการลงพื้นที่และการจัดนิทรรศการสะท้อนให้เห็นการพัฒนาเชิงบูรณาการของมหาวิทยาลัยและท้องถิ่น โดยเน้นการใช้ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (STI) เป็นฐานในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตทางการเกษตร การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากทุนทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับนโยบาย BCG Economy และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในหลายประเด็น ได้แก่ การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การสร้างงานและรายได้ที่มั่นคง และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

การจัดแสดงยังสะท้อนถึงแนวทาง Best Practices ที่เกิดจากการวิจัย การพัฒนา และการทดลองจริงในพื้นที่ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ GI การใช้เทคโนโลยี NIR Spectroscopy ในการตรวจสอบคุณภาพผลผลิต หรือการสร้างสรรค์ Digital Heritage ซึ่งล้วนมีศักยภาพในการต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์และการพัฒนาชุมชน

 

ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา STI ในอนาคต

คณะเทคโนโลยีการเกษตร

ควรพัฒนางานวิจัยให้เชื่อมโยงกับระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เช่น IoT, AI และ Big Data เพื่อตอบโจทย์ Climate Change และเกษตรแม่นยำ

ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบในภูมิภาคเพื่อทดลองใช้และถ่ายทอดเทคโนโลยี

ด้านการศึกษา

ควรบูรณาการการเรียนการสอนกับโครงการวิจัยในพื้นที่จริง เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้เชิงปฏิบัติ (Work-integrated Learning)

พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการศึกษา เช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ AR/VR, AI Tutor

ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร

ส่งเสริมการสร้างมาตรฐานสินค้า GI และการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตท้องถิ่น

พัฒนาระบบโลจิสติกส์และ e-Commerce เชื่อมโยงกับ OTOP และสินค้า BCG

ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

ควรต่อยอด Digital Heritage ให้เชื่อมโยงกับ Metaverse หรือแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ระดับสากล

สนับสนุนการสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) เชื่อมโยงกับ soft power ของไทย เช่น อาหาร วัฒนธรรม และการแสดง

ด้าน Green Society

เร่งพัฒนาระบบ EV Rail ให้เป็นโครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะด้านคมนาคม

ส่งเสริมการผลิตและใช้ Eco-Products ในสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน

 

บทสรุป

การจัดนิทรรศการและการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยราชมงคลสุวรรณภูมิและหน่วยงานเครือข่ายในการใช้ STI เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยเน้นการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก การสร้างสังคมสีเขียว และการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การพัฒนาต่อไปควรมุ่งสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ เพื่อยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมไทยสู่สากล


เขียนโดย : นางสาวสุทธิพา  อาศิรพงษ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : sutipa.a@mhesi.go.th