Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
การลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง 20

การลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
โดยมีนายเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.) พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กปว.สป.อว. ร่วมลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานดังกล่าว โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมคณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด อว. หัวหน้าส่วนราชการ
ในจังหวัดมหาสารคาม และภาคีเครือข่ายจากหลายภาคส่วน ให้การต้อนรับและร่วมติดตามการดำเนินงานดังกล่าว
ช่วงเช้า เริ่มต้นด้วยกิจกรรม Morning-Talk ภายใต้หัวข้อ “การบูรณาการงานด้าน อววน. ร่วมกับจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง” ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้แทนส่วนราชการในจังหวัด หอการค้าจังหวัด และหน่วยงานในสังกัด อว. โดยท่านศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. กล่าวว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมนำทรัพยากรของกระทรวง อว. โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในพื้นที่ มาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างตรงจุด “ประชาชนต้องอยู่ได้ และอยู่รอด” คือเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนงานพัฒนาระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศที่กระทบต่อการส่งออกของประเทศ แนวทางการยกระดับ เศรษฐกิจชุมชนให้พึ่งพาตนเองได้ และการสร้างรายได้ภายในพื้นที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยในจังหวัดมหาสารคามสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย กระทรวง อว. จึงให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรม โดยเฉพาะการต่อยอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากสถาบันการศึกษาไปสู่ภาคการผลิตและสินค้าเกษตร เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความจำเป็นในปัจจุบัน และส่งเสริมให้ระบบ อุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม มีบทบาทในการยกระดับประเทศและท้องถิ่นอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
จากนั้นท่านศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการแสดงผลงานด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมการยกระดับผ้าทออัตลักษณ์ ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมเกษตรและสมุนไพร และด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวและเมืองน่าอยู่ รวมจำนวน (two)(eight) บูธ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 19 บูธ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 5 บูธ และหน่วยงานในสังกัด อว. 4 บูธ นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจสุขภาพโดยคณะแพทยศาสตร์ มมส. การสาธิตทอผ้าด้วยกี่เล็กโดยคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ การแสดงกลองยาวโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และการเดินแบบแฟชั่นผ้าทอ โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวต้อนรับว่าการลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยฐานความรู้ ภูมิปัญญา นวัตกรรมและเทคโนโลยี ขอบคุณกระทรวง อว. และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ที่ได้ประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาศักยภาพชุมชน อาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และภาคอุตสาหกรรม ของจังหวัดมหาสารคามที่ต้องอาศัยนวัตกรรมและการจัดการแบบใหม่ เพื่อยกระดับสู่ความยั่งยืนที่เป็นแนวทางสำคัญในการ “พลิกโฉมจังหวัด” ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการพัฒนากำลังคน จังหวัดมหาสารคาม พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเป็นพื้นที่ต้นแบบของการบูรณาการ กระทรวง – มหาวิทยาลัย – จังหวัด – ชุมชน –อุตสาหกรรม หวังว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้จะเป็น จุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงนโยบายที่จับต้องได้และขยายผลสู่พื้นที่อื่นทั่วประเทศ
รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวรายงานว่า “มหาวิทยาลัยมหาสารคามยึดมั่นพันธกิจในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะด้านเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของภูมิภาค เราเชื่อมั่นว่า การขับเคลื่อนงานวิจัยร่วมกับชุมชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน” และภายในงาน ศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ ประมวล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนานวัตกรรมได้นำเสนอผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ร่วมกับจังหวัดเพื่อขยายผลสู่การพัฒนาเชิงพื้นที่ และสร้างรูปธรรมของ “นวัตกรรมเพื่อชุมชน”
นายศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. ได้ให้นโยบายเน้นใช้มหาวิทยาลัยเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในมหาสารคาม ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เช่น การวิจัยใบอ้อย-สมุนไพร, การพัฒนาผ้าทอ, ส่งเสริมแปรรูปสินค้าเกษตร, พัฒนา InnoAgri Village และเมืองสมุนไพร รวมถึงยกระดับทักษะคนในชุมชน มุ่งสร้างรายได้ ยั่งยืน และลดความเหลื่อมล้ำ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาด ผ่านกลไกการเชื่อมโยงภาคการศึกษากับภาคการผลิต การพัฒนาหลักสูตรเฉพาะ และการจัดตั้ง Education & Talent Hub เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา
สนับสนุนความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในและต่างประเทศ สร้างเครือข่ายองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนบุคลากร และแบ่งปันเครื่องมือวิจัยผลักดันระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมผ่านอุทยานวิทยาศาสตร์ การร่วมทุนมหาวิทยาลัยกับเอกชน การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และ Talent Mobility มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนเป็นผู้ร่วมสร้างความรู้ ทำวิจัยที่ใช้ได้จริง และพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็งเน้นสร้าง “คน” ที่ปรับตัวได้ในโลกยุคใหม่ พร้อมเปิดระบบการศึกษาให้เรียนรู้ได้ตลอดชีวิตมหาวิทยาลัยยุคใหม่ต้องพัฒนาคน วิจัยนวัตกรรม และพัฒนาพื้นที่ไปพร้อมกันอย่างบูรณาการ
ช่วงบ่าย ศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. และคณะ ได้เดินทางเยี่ยมศูนย์เกษตรเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม โดยมี นายสนอง มะลัยขวัญ นายอำเภอบรบือ ดร.อภิรชัย วงษ์ศรีวรพล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รศ.ดร.เกียรติศักดิ์ ศรีประทีป ผู้จัดการศูนย์ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้การต้อนรับ โดยส.ต.ต.อนุวัช อินปลัด ผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช กล่าวรายงานที่มาของศูนย์เกษตรเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชและการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดด้วยการพัฒนาศักยภาพผ่านกลไกโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์
จากนั้น นาย ศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. กล่าวว่าศูนย์เกษตรเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชว่าเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวมิได้ทำหน้าที่เพียงเป็นแหล่งผลิตต้นพันธุ์พืชคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้เกษตรกรรุ่นใหม่สามารถเริ่มต้นและพัฒนาธุรกิจของตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว. ที่มีแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการนำ วทน. มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของแต่ละชุมชน และได้ผลักดันการสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (Innovation-Based Entrepreneurs) โดยอาศัยกลไกการถ่ายทอดองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยและอุทยานวิทยาศาสตร์ในภูมิภาค เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้ทดลองสร้างธุรกิจต้นแบบ เข้าถึงเทคโนโลยี เครื่องมือ ทุนตั้งต้น และที่ปรึกษาอย่างครบวงจร ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำคัญในการพัฒนา Startup และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในระดับพื้นที่
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Fan page : หน่วยปฏิบัติการเครือข่าย อว. ระดับภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
https://www.facebook.com/share/19hJ4LQ7Jr/