Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
การลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง 25

💡เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยมีนายเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.) พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กปว.สป.อว. ร่วมลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานดังกล่าว โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมคณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด อว. หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดมหาสารคาม และภาคีเครือข่ายจากหลายภาคส่วน ให้การต้อนรับและร่วมติดตามการดำเนินงานดังกล่าว
🌞ช่วงเช้า เริ่มต้นด้วยกิจกรรม Morning-Talk ภายใต้หัวข้อ “การบูรณาการงานด้าน อววน. ร่วมกับจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง” ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้แทนส่วนราชการในจังหวัด หอการค้าจังหวัด และหน่วยงานในสังกัด อว. โดยท่านศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. กล่าวว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมนำทรัพยากรของกระทรวง อว. โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในพื้นที่ มาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างตรงจุด “ประชาชนต้องอยู่ได้ และอยู่รอด” คือเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนงานพัฒนาระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศที่กระทบต่อการส่งออกของประเทศ แนวทางการยกระดับ เศรษฐกิจชุมชนให้พึ่งพาตนเองได้ และการสร้างรายได้ภายในพื้นที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยในจังหวัดมหาสารคามสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย กระทรวง อว. จึงให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรม โดยเฉพาะการต่อยอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากสถาบันการศึกษาไปสู่ภาคการผลิตและสินค้าเกษตร เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความจำเป็นในปัจจุบัน และส่งเสริมให้ระบบ อุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม มีบทบาทในการยกระดับประเทศและท้องถิ่นอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
จากนั้นท่านศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการแสดงผลงานด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมการยกระดับผ้าทออัตลักษณ์ ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมเกษตรและสมุนไพร และด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวและเมืองน่าอยู่ รวมจำนวน 28 บูธ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 19 บูธ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 5 บูธ และหน่วยในสังกัดงาน หน่วยงานในสังกัด อว. 4 บูธ นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจสุขภาพโดยคณะแพทยศาสตร์ มมส. การสาธิตทอผ้าด้วยกี่เล็กโดยคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ การแสดงกลองยาวโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และการเดินแบบแฟชั่นผ้าทอ โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ
พิธีเปิดกิจกรรมการลงพื้นที่
1 นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวต้อนรับว่าการลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยฐานความรู้ ภูมิปัญญา นวัตกรรมและเทคโนโลยี ขอบคุณกระทรวง อว. และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ที่ได้ประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาศักยภาพชุมชน อาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และภาคอุตสาหกรรม ของจังหวัดมหาสารคามที่ต้องอาศัยนวัตกรรมและการจัดการแบบใหม่ เพื่อยกระดับสู่ความยั่งยืนที่เป็นแนวทางสำคัญในการ “พลิกโฉมจังหวัด” ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการพัฒนากำลังคน จังหวัดมหาสารคาม พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเป็นพื้นที่ต้นแบบของการบูรณาการ กระทรวง – มหาวิทยาลัย – จังหวัด – ชุมชน –อุตสาหกรรม หวังว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้จะเป็น จุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงนโยบายที่จับต้องได้และขยายผลสู่พื้นที่อื่นทั่วประเทศ
2 รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวรายงานว่า “มหาวิทยาลัยมหาสารคามยึดมั่นพันธกิจในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะด้านเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของภูมิภาค เราเชื่อมั่นว่า การขับเคลื่อนงานวิจัยร่วมกับชุมชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน” และภายในงาน ศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ ประมวล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนานวัตกรรมได้นำเสนอผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ร่วมกับจังหวัดเพื่อขยายผลสู่การพัฒนาเชิงพื้นที่ และสร้างรูปธรรมของ “นวัตกรรมเพื่อชุมชน”
3 นายศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. ได้ให้นโยบายเน้นใช้มหาวิทยาลัยเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในมหาสารคาม ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เช่น การวิจัยใบอ้อย-สมุนไพร, การพัฒนาผ้าทอ, ส่งเสริมแปรรูปสินค้าเกษตร, พัฒนา InnoAgri Village และเมืองสมุนไพร รวมถึงยกระดับทักษะคนในชุมชน มุ่งสร้างรายได้ ยั่งยืน และลดความเหลื่อมล้ำ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาด ผ่านกลไกการเชื่อมโยงภาคการศึกษากับภาคการผลิต การพัฒนาหลักสูตรเฉพาะ และการจัดตั้ง Education & Talent Hub เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา
สนับสนุนความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในและต่างประเทศ สร้างเครือข่ายองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนบุคลากร และแบ่งปันเครื่องมือวิจัยผลักดันระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมผ่านอุทยานวิทยาศาสตร์ การร่วมทุนมหาวิทยาลัยกับเอกชน การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และ Talent Mobility มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนเป็นผู้ร่วมสร้างความรู้ ทำวิจัยที่ใช้ได้จริง และพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็งเน้นสร้าง “คน” ที่ปรับตัวได้ในโลกยุคใหม่ พร้อมเปิดระบบการศึกษาให้เรียนรู้ได้ตลอดชีวิตมหาวิทยาลัยยุคใหม่ต้องพัฒนาคน วิจัยนวัตกรรม และพัฒนาพื้นที่ไปพร้อมกันอย่างบูรณาการ
🌤️ช่วงบ่าย ศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. และคณะ ได้เดินทางเยี่ยมศูนย์เกษตรเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม โดยมี นายสนอง มะลัยขวัญ นายอำเภอบรบือ ดร.อภิรชัย วงษ์ศรีวรพล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รศ.ดร.เกียรติศักดิ์ ศรีประทีป ผู้จัดการศูนย์ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้การต้อนรับ โดยส.ต.ต.อนุวัช อินปลัด ผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช กล่าวรายงานที่มาของศูนย์เกษตรเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชและการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดด้วยการพัฒนาศักยภาพผ่านกลไกโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์
⭐️จากนั้น นาย ศุภชัย ใจสมุทร ผช.รมต.อว. กล่าวว่าศูนย์เกษตรเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชว่าเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวมิได้ทำหน้าที่เพียงเป็นแหล่งผลิตต้นพันธุ์พืชคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้เกษตรกรรุ่นใหม่สามารถเริ่มต้นและพัฒนาธุรกิจของตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว. ที่มีแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการนำ วทน. มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของแต่ละชุมชน และได้ผลักดันการสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (Innovation-Based Entrepreneurs) โดยอาศัยกลไกการถ่ายทอดองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยและอุทยานวิทยาศาสตร์ในภูมิภาค เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้ทดลองสร้างธุรกิจต้นแบบ เข้าถึงเทคโนโลยี เครื่องมือ ทุนตั้งต้น และที่ปรึกษาอย่างครบวงจร ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำคัญในการพัฒนา Startup และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในระดับพื้นที่
การลงพื้นที่ในครั้งนี้เกิด output/outcome/Impact/ประโยชน์ที่ได้รับ ดังนี้
.outcome :
1) เกิดการรับรู้และเข้าใจบทบาทของ อว. ในการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดและชุมชนในท้องถิ่น
2) เกิดการขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง
3) เกิดการใช้ประโยชน์จริงจากงานวิจัยในพื้นที่ โดยมหาวิทยาลัยเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนสู่พี่เลี้ยงชุมชน ยกระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
4) เกิดต้นแบบธุรกิจเกษตรกรรมที่นำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมไปใช้ เช่น ศูนย์เนื้อเยื่อพืช และขยายผลต่อไปในอนาคต
5) เกิดเครือข่ายความร่วมมือที่เป็นต้นแบบของการบูรณาการระหว่างกระทรวง อว. – มหาวิทยาลัย –
จังหวัด – ชุมชน – อุตสาหกรรม
6) เกิดการผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง เช่น ต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ , อินทผาลัม, และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพร
7) กลุ่มอาชีพและวิสาหกิจชุมชนมีระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานและสามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น
Impact :
1) จังหวัดมหาสารคามได้รับการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก
2) การปรับบทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยจาก “ผู้สอนสู่พี่เลี้ยงชุมชน”สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์พื้นที่และเกิดระบบนิเวศด้านวิจัยและนวัตกรรมระดับจังหวัดที่มีความเชื่อมโยงภาคีหลายภาคส่วน
3) การพัฒนาท้องถิ่นที่ตรงจุดและยั่งยืน: การพัฒนาจังหวัดสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง นำไปสู่การที่ประเทศและท้องถิ่นได้รับการยกระดับอย่างเข้มแข็ง
4) ประชาชนและชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและยั่งยืน จากการขยายผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย อววน. สามารถพึ่งพาตนเองได้ "ประชาชนต้องอยู่ได้ และอยู่รอด"
5) ขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดเพิ่มขึ้น: จังหวัดมหาสารคามเปลี่ยนจากการเกษตรดั้งเดิมไปสู่ "นวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง" และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ผ้าทอและสมุนไพร
6) ระบบการศึกษาและวิจัยที่ตอบสนองต่อการพัฒนา: ระบบอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยมหาวิทยาลัยสามารถพัฒนาคน, วิจัย, นวัตกรรม และพื้นที่ไปพร้อมกันอย่างบูรณาการ
ประโยชน์ที่ได้รับ :
1) แนวทางการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา+พื้นที่ จากผู้บริหารกระทรวง อว.
2) เกิดการขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัด
3) การรับรู้งานด้าน อววน.
บทบามหน้าที่/ความสำเร็จ/การถอดบทเรียน/ข้อเสนอแนะในกิจกรรม
1. ภาระงานที่ได้รับมอบหมาย บทบาท และหน้าที่ ของตนเองในการมีส่วนร่วมโครงการ/กิจกรรม
ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ประสานงานสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคามในการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยได้ดำเนินการดังนี้
1) เตรียมการนัดหมายและจัดการประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ผ่านระบบออนไลน์
2) การประสานและเตรียมความพร้อมการจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3) การประสานงานและจัดทำกำหนดการและกิจกรรมต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
4) ประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในสังกัด อว. เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมที่จังหวัดมหาสารคาม
5) การจัดกิจกรรมและจัดทำสรุปผลการดำเนินงาน
3. ความสำเร็จ และ/หรือความประทับใจในการมีส่วนร่วมโครงการ/กิจกรรม
การประสานงานร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในฐานะ อว. ส่วนหน้าจังหวัดมหาสารคามได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในทุกครั้ง ในการลงพื้นที่ของท่านศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามด้วยนวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคามซึ่งจากการลงพื้นที่นำไปสู่ประโยชน์ที่จะได้รับ ได้แก่ แนวทางการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ จากผู้บริหารกระทรวง อว. เกิดการขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ในพื้นที่จังหวัด และเกิดการรับรู้งานด้าน อววน.โดยมีความประทับใจในการมีส่วนร่วมของกิจกรรมนี้
1) ได้เห็นภาพของการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานในจังหวัด หน่วยงาน อว. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และบรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกหน่วยงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย และชุมชนในพื้นที่ ที่ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนาการเกษตรและสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นรูปธรรม
2) ได้รับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และทิศทางการทำงานจากผู้บริหาร อว. ที่ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนงาน อววน. ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ตลอดจนการเปิดโอกาสให้หน่วยงานในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทำให้เกิดแรงบันดาลใจและความมั่นใจในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
3) ได้เห็นความสำเร็จจากผลงานวิจัยด้าน ววน. ทั้งในส่วนกลางและงานวิจัยในพื้นที่ที่ส่งถึงชุมชนและผู้ประกอบการ และเกิดการรับรู้และเข้าใจบทบาทของ อว. ในการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดและชุมชนในท้องถิ่น รวมทั้งเกิดการใช้ประโยชน์จริงจากงานวิจัยในพื้นที่ โดยมหาวิทยาลัยเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนสู่พี่เลี้ยงชุมชน ยกระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
4. การถอดบทเรียน (Lessons Learn)ในการมีส่วนร่วมโครงการ/กิจกรรม
1 1) การบูรณาการความร่วมมือการลงพื้นที่ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานแบบบูรณาการ ที่มีทั้งมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ
ในพื้นที่ หน่วยงานส่วนกลาง และกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ การประสานความร่วมมือเช่นนี้ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรและองค์ความรู้ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า
ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแรงและต่อเนื่อง สามารถเป็นพื้นที่ต้นแบบของการบูรณาการ กระทรวง – มหาวิทยาลัย – จังหวัด – ชุมชน –
อุตสาหกรรม โดยมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ที่สำคัญในการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปสู่การประยุกต์ใช้จริงในพื้นที่ อันเป็นจุดเริ่มต้นของความ
ร่วมมือเชิงนโยบายที่จับต้องได้และขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไป
2) นวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูงตอบโจทย์พื้นที่
การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของเกษตรกร เช่น การแปรรูปผลผลิต การใช้เทคโนโลยีด้านชีวภาพ หรือระบบการจัดการฟาร์มอัจฉริยะ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุน และช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มรายได้และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนและชุมชน ซึ่งจะเกิดต้นแบบธุรกิจเกษตรกรรมที่นำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมไปใช้ เช่น ศูนย์เนื้อเยื่อพืช และขยายผลต่อไปในอนาคต
5. ข้อคิดเห็นเสนอแนะ (Recommendation) เพื่อการพัฒนาโครงการ/กิจกรรมที่ตนเองได้มีส่วนร่วม
1) ควรเพิ่มระยะเวลาของการประชุมช่วง กิจกรรม Morning talkเพื่อรับฟังประเด็นปัญหา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลต่างๆ ระหว่างระหว่าง อว. สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานในจังหวัด หน่วยงานในสังกัด อว. อันจะเป็นประโยชน์ในการนำไปต่อยอดเพื่อจัดทำแผนงาน/โครงการ ที่ตอบโจทย์ในพื้นที่ต่อไป
2) การขยายการบูรณาการร่วมกับภาคเอกชนและตลาด ควรเพิ่มความร่วมมือกับภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และเครือข่ายด้านการตลาด เพื่อให้ผลผลิตและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นไม่เพียงเพิ่มมูลค่าในเชิงการผลิต แต่ยังสามารถเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร
3) ในการจัดนิทรรศการอาจจะเพิ่มหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความร่วมมือกับ อว. และประชาสัมพันธ์การจัดงานเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้งานและเข้าถึงด้าน อววน. มากขึ้น
