หมู่บ้านเกษตรอินทรีย์เพื่อส่งเสริมกระบวนการผลิตพืชสมุนไพร บ้านหนองยาง ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม


"กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองยาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม - กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกล้วยและสมุนไพรบ้านหนองยาง - กลุ่มผู้เลี้ยงโคบ้านหนองยาง"

รายงานความก้าวหน้า

ไตรมาส ผลการดำเนินงาน งบประมาณที่ใช้ ผู้รับบริการ
4
[5260]

กิจกรรมที่ 1. การถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม สู่วิถีชุมชนที่ยั่งยืน
โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพร การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพร
โดยได้ให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของคุณภาพและมาตรฐานในการผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร
การนําสมุนไพรมาใชในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบผงยาสมุนไพร หรือใช้ในรูปแบบสารสกัดมการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ซึ่งองค์ประกอบทางเคมีในสมุนไพรที่นำมาใช้ดังกล่าวจะประกอบด้วยสารเคมี หลายชนิด การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ สารสกัด รวมถึงผลิตภัณฑ์ สมุนไพรจึงมีความซับซัอนมากกว่าการควบคุมคุณภาพยาหรือผลิตภัณฑ์จ ากเคมีสังเคราะห์ซึ่งกระบวนการการควบคุมคุณภาพมความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบสมุนไพรที่ได้มีคุณภาพตามมาตรฐานและมีคุณภาพคงที่ในทุกกระบวนการผลิต ซึ่งจะส่งผลถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร
จากการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2566 โดยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ ที่ปลอดภัยไม่มีสารเคมีเจือปน ซึ่งใช้เวลาเพาะเลี้ยงเพียง 14 วัน ก็สามารถจำหน่ายผลผลิตได้พบว่าชุมชนสามารถสร้างรายได้จากการขายไข่ผำสดเพื่อนำไปประกอบอาหารได้ โดยสามารถจำหน่ายได้วันละ 10-20 กิโลกรัม ราคา 30 บาทต่อกิโลกรัม เป็นรายได้เสริมให้กับครัวเรือนได้นั้น ในปีงบประมาณ 2567 ชุมชนมีความต้องการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม โดยพืชสมุนไพรในชุมชนที่ต้องการให้พัฒนาและเพิ่มมูลค่านั้นได้แก่ ไข่ผำ มะกรูด ใบบัวบก และว่านหางจระเข้ เป็นโจทย์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับชุมชน ซึ่งหลังจากที่ได้ลงชุมชนและวางแผนการดำเนินงานร่วมกันแล้ว ทางชุมชนได้ขอให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตสบู่เหลวอาบน้ำ แชมพูสมุนไพร ซึ่งต้องนำ ไข่ผำ มะกรูด ใบบัวบก และว่านหางจระเข้ มาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของชุมชน เพื่อใช้ในครัวเรือน และเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม
การเตรียมพืชสมุนไพรเพื่อเข้าสุ่กระบวนการแปรรูป เพื่อนำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. พืชและสมุนไพรแห้ง (Dried Botanical & Herb)
2. สารสกัดจากพืชและสมุนไพร (Botanical & Herbal Extract)
ผลิตภัณฑ์ที่นิยมนำเอาสมุนไพรธรรมชาติมาใช้ก็คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อสุขภาพและการฟื้นฟู (Dietary Supplements Product) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรธรรมชาติ (Herbal Cosmetics) การทำผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรธรรมชาติ ควรมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ซึ่งจะต้องมีความปลอดภัยของในทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ รวมถึงความรู้และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย และที่สำคัญก็คือการมีจรรยาบรรณในด้านการรับผิดชอบต่อสังคม เพราะในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ จากพืชสมุนไพรเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาตินั้นมีความปลอดภัยสูงแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ ที่ทำมาจากสารเคมี
   



รายงานโดย นางสาวสิริกร งามสมัย วันที่รายงาน 30/09/2567 [5260]
42300 50
4
[5261]

กิจกรรมที่ 2. ฐานการเรียนรู้ “คุณภาพผลิตภัณฑ์ วิถีเกษตรอินทรีย์ วิถีชีวิตน่าอยู่ วิถีชุมชนที่ยั่งยืน”
ในเรื่องการเพิ่มมูลค่าให้ทรัพยากรชีวภาพในชุมชน พืชสมุนไพรในชุมชน นอกจากการแปรรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ชุมชน ชุมชนมีแนวคิดในการนำใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ของชำร่วยต่างๆ และนำมาประกอบกับการส่งเสริมเป็นชุมชนท่องเที่ยวตามนวัตวิธี การออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ในนามของกลุ่มเกษตรกร และจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการเลี้ยงไข่ผำ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านของชุมชนที่มีโปรตีนสูง และสามารถแปรรูปได้หลายอย่าง
จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ ที่ปลอดภัยไม่มีสารเคมีเจือปน ซึ่งใช้เวลาเพาะเลี้ยงเพียง 14 วัน ก็สามารถจำหน่ายผลผลิตได้พบว่าชุมชนสามารถสร้างรายได้จากการขายไข่ผำสดเพื่อนำไปประกอบอาหารได้ โดยสามารถจำหน่ายได้วันละ 10-20 กิโลกรัม ราคา 30 บาทต่อกิโลกรัม เป็นรายได้เสริมให้กับครัวเรือนได้
ในปีงบประมาณ 2567 นี้ คณะดำเนินงานได้ติดตามการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนพบว่า มีเพียง 4% (จำนวน 2 คน) ที่สามารถเพาะเลี้ยงในระดับครัวเรือนได้สำเร็จ จึงได้ถ่ายทอดความรู฿ในเรื่องการเพาะเลี้ยงไข่ผำ และการทำอาหารอย่างง่ายสำหรับการเลี้ยงไข่ผำในระดับครัวเรือน ซึ่งไข่ผำเป็นพืชน้ำขนาดเล็ดกในการเจริญเติบโตต้องการออกซิเจน แสงสว่าง และธาตุอาหารเช่นเดียวกับพืชโดยทั่วๆ ไป
ฐานเรียนรู้ภายใต้วิถีเกษตรอินทรีย์ชุมชนยั่งยืน
กำหนดฐานกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ การผลิตพืชสมุนไพร และการเพิ่มมูลค่าของสมุนไพรในชุมชนการบริการอาหารและเครื่องดื่มจากผลผลิตของชุมชน และการจัดชุดอาหารคาวหวาน และเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับรับรองนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างมูลค่าและเอกลักษณ์ให้กับชุมชนและเพิ่มความสามารถในการแข็งขันให้กับชุมชนด้วย
จากการสำรวจ และออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวที่จำเป็น และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต้นแบบตามแนวคิดการพัฒนาหมู่บ้านท่องเที่ยว (Tourism Village) พร้อมทั้งจัดทำผังการพัฒนาพื้นที่ แบบรูปรายการปริมาณงานและราคาของสิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว โดยได้ดำเนินการศึกษาชุมชนหนองยาง รูปแบบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดำเนินการออกแบบ เช่น จุดรับ-ส่งนักท่องเที่ยว จุดให้บริการอาหารและที่พัก ป้ายแสดงสถานที่ท่องเที่ยว จุดแสดงสินค้าชุมชน เป็นต้น โดยปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในชุมชนคือกลุ่มผู้ศึกษาดูงานจากหน่วยงานต่างๆ และมีการจัดขายสินค้าของสมาชิกกลุ่มต่างๆ ในชุมชน
 



รายงานโดย นางสาวสิริกร งามสมัย วันที่รายงาน 30/09/2567 [5261]
35900 50
4
[5262]

กิจกรรมที่ 3. เทคโนโลยีการส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านระบบ Digital marketing เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวแบบนวัตวิถี
การจัดจำหน่ายผ่านระบบ Digital marketing
Marketing คือ การทำการตลาดเพื่อให้แบรนด์หรือธุรกิจเป็นที่รู้จัก เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า ผ่านสื่อกลางต่างๆ เพราะฉะนั้น Digital Marketing หรือ การตลาดดิจิทัล ก็คือการตลาดบนโลกดิจิทัล ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลางนั่นเอง จากปกติที่คุณอาจจะต้องโฆษณาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า ปัจจุบันนี้เพียงแค่โพสต์ลงใน Social Media ต่างๆ ก็สามารถเข้าถึงตัวลูกค้าได้โดยง่าย
Digital Marketing นั้นหมายถึงการตลาดที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง และรับสื่อได้ด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อย่าง Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ โดยลงผ่าน Digital Platform ต่างๆ
Digital Platform คือ ช่องทางบนโลกออนไลน์ ที่รวบรวมทั้งธุรกิจ ร้านค้า ลูกค้า ให้มาเจอกันในโลกออนไลน์ เช่น
- Search engines อย่าง Google
- Social Media อย่าง Facebook, Instagram
- Websites อย่าง www.amazon.com, www.ebay.com
Social Media Marketing เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หรือเครื่องมือในการทำ Digital Marketing โดยเป็นการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายด้วย Digital Advertising, Digital Ad ผ่าน Social Media Platform ต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Youtube หรือ TikTok เป็นต้น ทั้งยังถือเป็นการทำ Digital Branding ไปในตัว ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักผ่านทางโซเชียลมีเดีย
สิ่งสำคัญของกลยุทธ์นี้คือการยิง Ads หรือการยิงโฆษณา จะทำอย่างไรให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหากสินค้าหรือบริการที่โฆษณาออกไปแล้วไปตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอุดหนุนสินค้าและบริการได้เป็นอย่างดี
ในปัจจุบันกลุ่มโพธิ์ยางแคนได้มีการสร้างช่องทางผ่าน Social media เช่น Facebook, TikTok เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของกลุ่ม และขายสินค้าต่างๆ ของชุมชน
เมื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนจากสมุนไพรตามความต้องการของกลุ่มชุมชนแล้ว คณะดำเนินการได้ร่วมออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในการจัดจำหน่ายในการออกบูธ และงานแสดงสินค้า โดยสินค้าที่ชุมชนได้คัดเลือกในการทำเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม “ยางโพธิ์แคน” คือ สบู่เหลวสมุนไพร และแชมพูสมุนไพร



รายงานโดย นางสาวสิริกร งามสมัย วันที่รายงาน 30/09/2567 [5262]
35900 50
4
[5264]

กิจกรรมที่ 4. การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มในการเป็นวิทยากรชุมชน
 ผู้นำในระดับชุมชนมีความสำคัญต่อการพัฒนาชุมชนเป็นอย่างมาก เพราะสามารถนำพาชุมชนของตนไปสู่การพัฒนาที่มีความเหมาะสมกับการเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ ซึ่งองค์ประกอบของผู้นำชุมชนมีลักษณะที่ไม่ต่างจากลักษณะของผู้นำทั่วไป เพียงแต่ความเป็นผู้นำในระดับชุมชนนั้นจะมีความเป็นกันเองกับชาวบ้าน มีความใกล้ชิดและเป็นระบบเครือญาติซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1. มีความรู้ ความสามารถในกิจกรรมที่มีอยู่ในชุมชนเป็นอย่างดี
2. มีคุณธรรม เช่น ความโอบอ้อมอารี เป็นที่ยอมรับได้ในชุมชน
3. มีความมุ่งมั่นในการทำงาน
4. สามารถประสานต่อรองเรื่องต่างๆ ได้
5. มีฐานะค่อนข้างมั่นคง
6. มีความเป็นกันเองสูง หรือมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี โดยประเภทของผู้นำกลุ่มที่จะเป็นวิทยากรชุมชน จะต้องมีความสามารถในด้าน
1. ผู้นำทางด้านอาชีพ เทคนิค การปฏิบัติ
2. ผู้นำด้านการพูด แบบกระตุ้นเร่งเร้าทั้งแนวคิด และการปฏิบัติ
3. ผู้นำที่สามารถประยุกต์งานราชการกับเป้าหมาย เพื่อชาวบ้าน
4. ผู้นำทางการประสานทรัพยากรภายในและภายนอกชุมชน
การพัฒนาความรู้และทักษะของผู้นำเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเสริมสร้างความรู้และ พัฒนาทักษะจะทำให้ผู้นำชุมชนมีโลกทัศน์ใหม่ต่องานพัฒนา การพัฒนาความรู้ ทักษะของผู้นำจึงเป็นสิ่งจะ ต้องนำมาพิจารณาควบคู่ไปกับการทำงานพัฒนาชุมชนมาประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละชุมชน ผู้นำโดยส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีความสนใจใฝ่รู้ศึกษาและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ จะศึกษาด้วยตนเอง วิธี การศึกษาด้วยตนเองนั้น อาจเป็นการสังเกตสิ่งที่ตนเองพบเห็น แล้วจดจำมาทดลองปฏิบัติ หรือผ่านการพูด คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลต่างๆจัดกลุ่มพูดคุยสนทนา หลังจากผ่านการไปศึกษาดูงานภายนอก ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนสถานการณ์ของชุมชนของตน 



รายงานโดย นางสาวสิริกร งามสมัย วันที่รายงาน 30/09/2567 [5264]
35900 50