การพัฒนาองค์ความรู้ด้าน IOT และจัดเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผลผลิตทางการเกษตรอื่น ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี
วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตการเกษตร หมู่ที่ 1 บ้านเดิมบาง วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ตำบลเดิมบาง และวิสาหกิจชุมชนแปรรูปไทยเท่
ผล : จำนวนแปลงนา สาธิต ที่ใช้ระบบ IOT เข้าทดลองเก็บข้อมูลการปลูกข้าว กข จำนวน 1 แปลง และเริ่มปรับพื้น และเตรียมนาใหม่ อีก 1 แปลง โรงปลูกผักที่ใช้ระบบ iOT 1 โรง ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผักเคล และนำ้ข้าวโพด
ผล : มีเกษตรกร ที่สามารถใช้ระบบ IOT และเป็น นวัตกรในพื้นที่ได้ 2 ราย มีความเข้าใจในการใช้ ระบบ IOT ในการเกษตรมากขึ้น
ผล : ชุมชนมีความคิดก้าวหน้า และใส่ใจในการพัฒนาการประกอบอาชีพ ด้วย วทน มากขึ้น เห็นได้จากการ จัดอบรม ทางเทคโนโลลยี จะมีผู็สนใจติดตาม เต็มจำนวน
รายงานความก้าวหน้า
ไตรมาส | ผลการดำเนินงาน | งบประมาณที่ใช้ | ผู้รับบริการ |
---|---|---|---|
2 [5173] |
กิจกรรมที่ 1 : วันที่ 8 มีนาคม 2567 การดำเนินงาน : การปรับแก้ ข้อเสนอโครงการ การพัฒนาองค์ความรู้ด้าน IOT และการจัดเก็บข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ตามข้อเสนอแนะ ของคณะกรรมการ และ วางแผนการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ ผลการดำเนินงาน : แผนการดำเนินกิจกรรม 1. วางแผนงาน ด้านเทคโนโลยี IOTและระบบการติดตามผล สำหรับใช้ในการปลูกข้าวในแปลงทดลอง และ โรงเรือนควบคุมสภาพแวดล้อม ให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ โดยยังมีผลลัพธ์ตามKPI ที่นำเสนอไว้ 2.วางแผนการแปรรูป ผลิตในชุมชนให้เกิดเป็นสินค้าที่จำหน่ายได้ และเกิดการกระจายได้แก่สมาชิกในชุมชน 3. นัดหมายการลงพื้นที่ เพื่อหารือร่วมกันกับกลุ่มสมาชิก และแจ้งแผนการดำเนินงาน งบประมาณที่ใช้ : 0 บาท ผู้ร่วมกิจกรรม : 5 คน รายงานโดย ผศ.ดร.ทัศวัลย์ คัมภีระพันธุ์ วันที่รายงาน 05/04/2567 [5173] |
0 | 5 |
4 [5297] |
รายงานผลการดำเนินงาน TCS ไตรมาสที่ 4 ระหว่างเดือน เมษายน ถึง กันยายน 2567 กิจกรรมที่ 2 : วันที่ 1 เมษายน 2567 ได้รับการติดต่อจาก คุณทนงศักดิ์ นุ่มดี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเดิมบาง เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องพัฒนาโรงเรียนในตำบลเดิมบางและตำบลด่านช้าง การดำเนินงาน : เดินทางลงพื้นที่ ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อร่วมประชุมกับผู้บริหารโรงเรียนในอำเภอเดิมบางนางบวช 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดเดิมบาง โรงเรียนท่าเตียน โรงเรียนวัดปากน้ำ โรงเรียนท่าช้าง และโรงเรียนวังคันจากอำเภอด่านช้างพบปัญหาเรื่องนักเรียนในพื้นที่มีจำนวนน้อย ส่วนมากเป็นเด็กด้อยโอกาส เนื่องจากครอบครัวมีรายได้น้อย ส่วนครอบครัวที่มีรายได้มักจะส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีทรัพยากรพร้อมกว่าหรือโรงเรียนเอกชน ยกตัวอย่างโรงเรียนวัดปากน้ำ เป็นโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษา 1-3 มีนักเรียนประมาณ 60 คน เป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีนักเรียนขยายโอกาส 30 คน และนักเรียนระดับประถม 1-6 ประมาณ ุ30 คน ส่วนมากเป็นเด็กยากจน เด็กในครอบครัวมีฐานะดีจะเข้าเรียนที่ โรงเรียนธรรมโชติ หรือโรงเรียนวัดท่าเตียน มีการเรียนการสอน ถึงชั้นประถมปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 80 คน ส่วนมากมีฐานะยากจน ถ้ามีฐานะจะให้บุตรหลานไปเรียน โรงเรียนอนุบาลยอดไม้งาม เป็นต้น ปัญหาที่เกิดขึ้น คือโรงเรียนไม่มีงบประมาณในการจัดหาสื่อการสอน ผลการดำเนินงาน : จากการร่วมกันระดมความคิด และต้องการหาแนวทางในการพัฒนาให้โรงเรียน เป็นแหล่งเรียนรู้และไม่น่าเบื่อสำหรับเด็ก เนื่องจากโรงเรียนที่มีปัญหา เป็นโรงเรียนขนาดเล็กและมีจำนวนนักเรียนน้อย จึงไม่มีการบรรจุครูด้านการเกษตร โรงเรียนจึงไม่มีการเรียนการสอนด้านการเกษตรที่สามารถสร้างพืชผลที่นำมาใช้เป็น อาหารกลางวันหรือสร้างรายได้ให้แก่โรงเรียนหรือนักเรียนได้ ผู้บริหารโรงเรียนมองเห็นว่า หากเริ่มต้นจากการเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อประยุกต์ใข้ทางการเกษตร ให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสทำการเกษตรที่ทันสมัย แบบ smart farm และสร้างความรู้สึกรักถิ่นฐาน และแผ่นดินของพ่อแม่ในการสร้างรายได้ จึงหารือเรื่ององค์ความรู้ด้าน IOTที่ราคาย่อมเยาว์ นำมาถ่ายทอดให้แก่คุณครูได้เรียนรู้ และนำไปใช้ในโรงเรียน พร้อมถ่ายทอดให้แก่ เด็กนักเรียนในโรงเรียนของตนเองได้ และใช้เป็นต้นแบบ สามารถนำไปใช้ในโรงเรียนต่างๆได้ ทีมงานคลินิกเทคโนโลยี จึงรับมาพิจารณาเพื่อดำเนินการหาแนวทางพัฒนาต่อไป รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5297] |
16000 | 20 |
4 [5298] |
กิจกรรม 3 วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 กิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการเกษตรให้กับเด็กและเยาวชน โรงเรียนวัดเดิมบางและโรงเรียนวัดท่าเตียน เรียนรู้การเพาะต้นกล้าจำนวน 30 ราย โดยมุ่งเน้นให้มีการเรียนรู้และปฏิบัติจริงในการปลูกพืชผักและกาปรุงดินเกษตรคุณภาพสูงเพื่อการเพาะปลูก
การดำเนินงาน : จัดกิจกรรมโดนเริ่มต้นด้วยการบรรยายความรู้จากวิทยากรที่เชียวชาญด้านการเกษตร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การเพาะต้นกล้า การปรุงดิน การทำปุ๋ย พร้อมทั้งเทคนิคต่างๆที่จำเป็นในการปลูกพืชให้มีคุณภาพ และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสถาม-ตอบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและประโยชน์แก่ตัวนักเรียนเอง หลังจากการบรรยาย นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ตั้งแต่การเตรียมหน้าดินการเพาะต้นกล้า การสร้างสารชีวภาพดูแลต้นพืชอย่างน้ำหมักซึ่งประกอบไปด้วยวัสดุที่ใช้ในการทำปุ๋ยหมักมี 4 อย่างด้วยกัน ประกอบด้วย ผัก หรือผลไม้ที่เหลือจากการบริโภคน้ำหนักรวมประมาณ 4 กิโลกรัม, สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 1 ซอง, กากน้ำตาล 1 กิโลกรัมและน้ำเปล่า ไว้ใช้สำหรับการปรุงดินเพื่อให้พืชผักเติบโตได้ดี และยังมีการปฏิบัติจนถึงการเก็บเกี่ยวพืชผัก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ช่วยให้เยาวชนเกิดความรักและความเข้าใจในกระบวนการเกษตรอย่างแท้จริง
ผลการดำเนินงาน : ได้ดินที่มีคุณภาพสูงสำหรับเพาะปลูกประมาณ 500 กิโลกรัม และ นักเรียนและครูจำนวนประมาณ 30 คนได้รับความรู้เกี่ยวกับการปรุงดินเกษตรคุณภาพสูง พร้อมทั้งมีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน การอบรมนี้สร้างเยาวชนน้อยหัวใจสีเขียวที่รักการเกษตรอย่างแท้จริง รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5298] |
14000 | 30 |
4 [5299] |
กิจกรรมที่ 4 วันที 25 พฤษภาคม 2567 กิจกรรมสร้างเสริมความรู้ทางการเกษตรแก่เยาวชนโดยมีหัวข้อคือ การทำจุรินทรีย์สังเคราะห์แสง โดยมีผู้เข้าร่วมคือ นักเรียนจาก โรงเรียนวัดเดิมบาง โรงเรียนวัดประชมสงฆ์ โรงเรียนวัดท่าเตียน จำนวน 40 คน การดำเนินงาน : หลังจากการสอน เด็กนักเรียนและผู้สนใจให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยและการปรุงดินแล้วจึงมีการจัดกิจกรรมที่มีคุณค่าเกี่ยวกับการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นแนวทางที่สร้างสรรค์ในการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการอธิบายวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จากนั้นนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยการเตรียมส่วนผสมต่าง ๆ และเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาสารที่ได้อย่างถูกต้อง การใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการผลิตในแปลงเกษตรและนาข้าว แต่ยังทำให้ผู้ปลูกและผู้บริโภคปลอดภัยจากสารเคมีอีกด้วย โดยมีการให้ความรู้และลงมือปฏิบัติ เรื่องกระบวนการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งกระบวนการทำคือเราจะต้องนำอาหารมาเลี้ยงตัวจุลินทรีย์ โดยนำอาหารมาเพาะเชื้อใส่ลงไปในขวดที่มีน้ำแล้วนำขวดที่มีอาหารและน้ำไปตั้งตากแดด โดยอาหารก็คือไข่ไก่นั่นเอง สารชีวพันธุ์กำจัดแมลงเพื่อนำไปใช้ และ ยังมีการปฏิบัติเพื่อให้เด็ฏมีความเข้าใจ และ ปลูกฝังและ สนุกไปกับทำการเกษตร ผลจากกิจกรรม : นักเรียนและครูจำนวนประมาณ 40 คนได้เรียนรู้วิธีการทำน้ำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งสามารถนำไปใช้พัฒนาแปลงเกษตรทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความรู้และทักษะใหม่ ๆ ให้กับนักเรียน แต่ยังส่งเสริมให้เกิดการเกษตรที่ยั่งยืนและปลอดภัยในชุมชน สร้างอนาคตที่สดใสและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5299] |
12000 | 40 |
4 [5300] |
กิจกรรมที่ 5 วันที่ 5 มิถุนายน 2567 กิจกรรมปลูกข้าว กข.43 การดำเนินงาน การดำเนินกิจกรรมได้รับความร่วมมือจากปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนบ้านเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ในการเตรียมดินและการดำนาเป็นให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีระบบ เริ่มต้นด้วยการบรรยายเกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกข้าว การเตรียมดิน การดำนา และเทคนิคการดูแลรักษา ซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของการเกษตรและการทำงานอย่างมีระบบ
หลังจากการบรรยาย นักเรียนจากโรงเรียนวัดเดิมบาง โรงเรียนวัดประชุมสงฆ์ และโรงเรียนวัดท่าเตียน ได้ลงมือทำจริง โดยมีปราชญ์ชาวบ้านคอยแนะนำและสาธิตขั้นตอนต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้เยาวชนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงในสนาม นักเรียนได้เรียนรู้ถึงวิธีการดำนาอย่างถูกต้อง รวมถึงการจัดเรียงต้นกล้าในแปลงให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างทักษะด้านการเกษตรให้กับเยาวชน แต่ยังปลูกฝังให้พวกเขามีใจรักและความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกร สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ในการดูแลรักษาและพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรในอนาคต
ผลการดำเนินงาน นักเรียนได้รับความรู้เกี่ยวกับกระบวนการปลูกข้าวอย่างละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากสุพรรณบุรีเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตข้าว การเรียนรู้ในครั้งนี้จะทำให้เยาวชนมีความเข้าใจและเคารพในวิถีชีวิตเกษตรกรรมของตนเอง และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืนในอนาคต รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5300] |
20000 | 40 |
4 [5302] |
กิจกรรมที่ 6: วันที่ 19 มิถุนายน 2567 – ส่งเสริมการปลูกผักเคลและผักสลัด
การดำเนินงาน: เพื่อให้การปลูกมีประสิทธิภาพ ทีมงานได้จัดเตรียมแปลงปลูกผักในโรงเรือน ซึ่งมีโครงหลังคาคลุมด้วยสแลนเพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงแดด นอกจากนี้ยังมีระบบรดน้ำอัตโนมัติที่ทำงานด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ ทำให้การปลูกผักเคลในแปลงนี้เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรในชุมชนบ้านเดิมบาง สำหรับวิธีการปลูกผักเคลและผักสลัด: 1 การเตรียมดิน: ◦ ใช้ดินที่มีความร่วนซุย ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มสารอาหาร 2 การเพาะต้นกล้า: ◦ หว่านเมล็ดในถาดเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม และรอประมาณ 7-14 วันจนเมล็ดงอก 3 การย้ายปลูก: ◦ เมื่อกล้ามีอายุประมาณ 3-4 สัปดาห์ ย้ายปลูกในแปลงปลูก โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-45 เซนติเมตร 4 การดูแลรักษา: ◦ การรดน้ำ: รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีแดดจัด ◦ การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยเสริมทุก 2-3 สัปดาห์ โดยเลือกใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง 5 การเก็บเกี่ยว: ◦ หลังจากปลูกประมาณ 4-6 สัปดาห์ นักเรียนและเกษตรกรสามารถเริ่มเก็บผลผลิตได้ โดยมีการขายในรูปแบบออนไลน์โดยให้ลูกค้าสั่งจองผักล่วงหน้าก่อนตัดขาย ราคาขายกำหนดไว้ที่ถุงละ 35 บาท หรือ 3 ถุงในราคา 100 บาท
ผลการดำเนินงาน: รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5302] |
22000 | 10 |
4 [5303] |
กิจกรรมที่ 7 :วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 – การเรียนรู้ระบบโซล่าเซลล์และ IoT สำหรับการบริหารจัดการในแปลงเกษตร
การดำเนินงาน: กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการบรรยายเกี่ยวกับพื้นฐานของระบบโซล่าเซลล์ รวมถึงวิธีการคำนวณขนาดไฟฟ้าที่ต้องการและค่าความต่างศักย์ การเก็บประจุในแบตเตอรี่ รวมถึงการใช้งานเทคโนโลยี IoT เพื่อให้สามารถควบคุมและตรวจสอบระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสทดลองต่อวงจรจริง เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบโซล่าเซลล์ และทำความเข้าใจการทำงานร่วมกันระหว่างโซล่าเซลล์และระบบ IoT ในการติดตามสภาพแวดล้อมและการใช้งานพลังงานในแปลงเกษตร ในกิจกรรมนี้ เราได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน โซล่าเซลล์ และ IoT ในการบริหารจัดการในแปลงเกษตร โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1 การต่อวงจรโซล่าเซลล์: • ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีการติดตั้งโซล่าเซลล์ รวมถึงการต่อวงจรไฟฟ้าเพื่อสร้างระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ในแปลงเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2 การคำนวณพลังงาน: • มีการสอนวิธีการคำนวณขนาดไฟฟ้าที่ต้องการ โดยการประเมินการใช้พลังงานในแต่ละวัน รวมถึงค่าความต่างศักย์ที่จำเป็นในการทำงานของระบบ 3 การเก็บประจุในแบตเตอรี่: • ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเลือกแบตเตอรี่ที่เหมาะสม และวิธีการเก็บประจุไฟฟ้า เพื่อให้สามารถใช้งานไฟฟ้าได้ตลอด24 ชั่วโมง 4 การใช้งาน IoT: • มีการสอนเกี่ยวกับการใช้ IoT ในการติดตามและควบคุมอุปกรณ์ในแปลงเกษตร เช่น การตรวจสอบความชื้นในดิน การควบคุมระบบรดน้ำอัตโนมัติ รวมถึงการส่งข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เพื่อให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบสถานะของแปลงเกษตรได้แบบเรียลไทม์
ผลการดำเนินงาน: การนำโซล่าเซลล์และเทคโนโลยี IoT มาใช้ในการเกษตรไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาพืชผล ทำให้เกษตรกรสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ดีขึ้นอีกด้วย รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5303] |
31000 | 30 |
4 [5306] |
กิจกรรมที่ 8: วันที่ 7 สิงหาคม 2567 – การปรึกษาหารือ เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป
การดำเนินงาน: ในการประชุม ทีมงานได้ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการส่งผักเคลให้กับลูกค้าในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งมักจะส่งผลให้ผักเหี่ยวและมีคุณภาพต่ำเมื่อถึงมือผู้บริโภค การแปรรูปผักเคลสดเป็นเคลผงและข้าวโพดสดเป็นข้าวโพดผงจะเป็นทางเลือกที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา อีกทั้งยังทำให้สามารถขนส่งได้สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การแปรรูปผักเคลให้เป็นเคลผงนั้น ทีมงานได้เสนอให้ใช้เครื่องอบลมร้อนซึ่งมีประสิทธิภาพในการดูดความชื้นออกจากผักเคล โดยขั้นตอนจะเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ก่อนที่จะนำไปอบและบดละเอียด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการวางแผนพัฒนาผักเคลผงให้สามารถชงดื่มได้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถบริโภคได้ทุกเมื่อ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบัน ในการประชุมครั้งนี้ ทีมงานยังได้เข้าเยี่ยมพบปะกับเกษตรกรที่ปลูกเคลและข้าวโพดในชุมชนบ้านเดิมบาง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเกษตรกรโดยตรง การพูดคุยนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ผลิตและผู้แปรรูป และทำให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ทีมงานยังได้พูดคุยเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจและสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการเพิ่มมูลค่าของผักเคลและข้าวโพดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้เสริมให้กับสมาชิกภายในชุมชน
ผลการดำเนินงาน: ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปนี้ จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในชุมชนเกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร และเปิดโอกาสให้กับเกษตรกรในการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว การประชุมในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในชุมชนบ้านเดิมบาง และเป็นการสร้างแนวทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีคุณภาพและยั่งยืนในอนาคต รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5306] |
8000 | 8 |
4 [5307] |
กิจกรรมที่ 9: วันที่ 27 สิงหาคม 2567 – การเตรียมการเรียนรู้การปลูกข้าวญี่ปุ่นโคชิฮิคาริ
การดำเนินงาน: กิจกรรมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้เกษตรกรและเยาวชนในชุมชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าวชนิดใหม่ที่ยังไม่แพร่หลายในพื้นที่ สุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในการปลูกข้าวหลากหลายชนิด แต่ข้าวญี่ปุ่นโคชิฮิคาริเป็นชนิดที่ยังไม่ค่อยมีการปลูกกันมากนัก วิสาหกิจชุมชนจึงได้วางแผนทดลองปลูกข้าวชนิดนี้ โดยใช้ระบบ IoT เพื่อช่วยในการจัดการแปลงเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะแรก ทีมงานได้เริ่มทำการเตรียมดิน ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อให้ดินมีความเหมาะสมสำหรับการปลูก โดยในกระบวนการนี้ปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสอนวิธีการหมักดินและการเตรียมแปลงปลูกข้าว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้เยาวชนได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยมีแผนให้ได้ทดลองดำนาข้าวในเดือนถัดไป เพื่อสร้างความรักและความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกร
ผลการดำเนินงาน: ด้วยคุณสมบัติของข้าวญี่ปุ่นโคชิฮิคาริที่มีความนุ่มและหอม รสชาติอร่อย จึงเหมาะสำหรับการบริโภคทั้งในครัวเรือนและการค้า ข้าวชนิดนี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภค การทดลองปลูกข้าวญี่ปุ่นในชุมชนบ้านเดิมบางจึงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับการผลิตข้าวในพื้นที่ แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับเกษตรกรในการสร้างรายได้ที่มั่นคง โดยเยาวชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมจะมีความรู้ความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับการปลูกข้าวและอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาชุมชนในอนาคตอย่างยั่งยืน รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5307] |
25000 | 5 |
4 [5308] |
กิจกรรมที่ 10: วันที่ 28 สิงหาคม 2567 พัฒนาผลิตภัณฑ์ “ข้าว” ที่ปลอดภัย
การดำเนินงาน: กลุ่มเกษตรกรได้วางแผนการปลูกข้าวญี่ปุ่นโคชิฮิคาริและต้องการมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต ด้วยเหตุนี้ สมาชิกในวิสาหกิจชุมชนจึงได้ร่วมกันคิดบรรจุภัณฑ์และออกแบบตราสินค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับผลผลิตข้าวญี่ปุ่นที่กำลังจะดำเนินการปลูก ในกระบวนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ สมาชิกได้เลือกใช้ถุงกระสอบที่มีคุณภาพ โดยบรรจุในขนาด 1 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยให้สามารถขนส่งและเก็บรักษาข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การออกแบบตราสินค้ายังมุ่งหวังให้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดผู้บริโภคได้
ผลการดำเนินงาน: การพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น แต่ยังส่งเสริมการบริโภคข้าวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพให้กับผู้บริโภคในชุมชนอีกด้วย การดำเนินงานในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเกษตรกรรมและสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5308] |
7000 | 8 |
4 [5310] |
กิจกรรมที่ 11: วันที่ 18 กันยายน 2567 – คลินิกเทคโนโลยี ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนพืชสวนทฤษฎีใหม่ "กินอยู่ปลอดภัยอย่างไทยเท่" และ ทสม.
การดำเนินงาน: การอบรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอบสนองความสนใจของสมาชิกในชุมชนที่ต้องการเรียนรู้การใช้โซล่าเซลล์ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการผลิต โดยทางทีมงานได้ออกแบบกิจกรรมให้เป็นการเรียนรู้แบบเชิงปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจการทำงานของโซล่าเซลล์ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรงที่ใช้ในงานเกษตร ในระหว่างการอบรม มีนักเรียนจากโรงเรียนวัดปากน้ำเข้าร่วม พร้อมด้วยคุณครูจากสองท่า สมาชิกสภาจังหวัด และบุคคลที่สนใจในชุมชน เช่น นางสาวเกษร, นายวัชระ, นายวีระ, นายรักษ์เกียรติ์, นางสามอารี, นางสาวพัชรี, นางสาวกนกวรรณ, และนายทนงศักดิ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้ร่วมกัน การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนนี้สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตั้งใจและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสทดลองติดตั้งโซล่าเซลล์ชุดนอนนาและเรียนรู้การใช้งานระบบ IoT ที่สามารถช่วยในการควบคุมและตรวจสอบสภาพแวดล้อมในแปลงเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลการดำเนินงาน: การฝึกอบรมนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความรู้และทักษะ แต่ยังช่วยให้สมาชิกในชุมชนมีความมั่นใจในการใช้พลังงานสะอาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนให้กับเยาวชนในชุมชน โดยมุ่งหวังว่าพวกเขาจะสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในการทำเกษตรกรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต กิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแต่สร้างความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ แต่ยังส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งและมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการสร้างเสริมความภูมิใจในอาชีพเกษตรกรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย รายงานโดย ตาล จนท.2 มจธ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5310] |
35000 | 30 |
4 [5311] |
กิจกรรมที่ 12 วันที่ 26 กันยายน 2567 รายงานโดย ผศ.ดร.ทัศวัลย์ คัมภีระพันธุ์ วันที่รายงาน 30/09/2567 [5311] |
30000 | 1 |