Storytelling ทำอย่างไร  50

คำสำคัญ : เล่าเรื่อง  storytelling  
เราอาจเคยได้ยินคำว่า 'Storytelling' มาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่คำถามคือ เคยรู้สึกมั้ยว่า?… เรายังไม่เข้าใจมันจริงๆ
 
#Framework นี้จะพาคุณไปทีละขั้นตอน จากการคิดไอเดีย, ปั้นคอนเทนต์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์ นี่คือทุกเม็ดของการเล่าเรื่องที่จะทำให้คอนเทนต์ของคุณโดนใจ เปลี่ยนการเล่าเรื่องของคุณให้กลายเป็นการขายโดยที่ผู้ชมไม่รู้ตัว
 
เพราะมันถูกกลั่นมาจากประสบการณ์ 8 ปีของการเป็น Creator ซึ่งมันมีทั้งช่วงที่ท้อ ช่วงที่คิดว่าคอนเทนต์เรามันไม่ดีพอ... แต่ทุกความล้มเหลว ทุกความสำเร็จ ได้ถูกย่อยลงมาเป็น Framework หน้านี้แหละ
 
 
นี่ไม่ใช่แค่แผน แต่มันคือ “หัวใจของการเล่าเรื่อง” ที่ผมใช้จริง จนทำให้คอนเทนต์ที่ผมทำไม่ใช่แค่ถูกดู แต่ “ถูกใจ” และ “ถูกแชร์” จนคนจดจำได้
 
เริ่มที่ขั้นตอนแรกเลย
- 💡Business Model : เลือกก่อนว่าคุณทำช่องนี้ไปเพื่ออะไร? จุดหมายปลายทางจะหาเงินยังไง?
[1] ทำคอนเทนต์/Liveเพื่อขายสินค้า
[2] รับสปอนเซอร์
[3] รับของรางวัล
[4] โปรโมทแบรนด์ตัวเอง
 
- 🎯Target Audience : เราต้องรู้ว่าเรากำลังสื่อสารกับใคร! ถ้าเราไม่รู้ว่าเรากำลังพูดกับใคร เราจะเล่าเรื่องยังไงให้เขาฟัง?
**ต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ความสนใจ หรือพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเรา เพื่อให้เราสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา หรือปัญหาที่พวกเขากำลังเจอ
 
สรุปง่าย ๆ ก็คือ: ถ้าเราไม่เข้าใจ Business Model และ Target Audience ของเรา ทุกอย่างที่เราเล่าจะดูไร้ทิศทาง ไม่มีจุดมุ่งหมาย และไม่สามารถเข้าถึงใจของคนดูได้ ดังนั้น การรู้ว่าเราเป็นใคร และเรากำลังพูดกับใคร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ
 
🔥Planning Phrase (การวางแผน) - ทุกอย่างเริ่มจาก “การวางแผนที่ดี”
 
1. 🎨Theme - เราไม่ใช่แค่คิดแค่เรื่องของคอนเทนต์เฉยๆ แต่ต้องเริ่มจากTheme ว่าช่องของเราจะมีรูปแบบไหน เพื่อให้มีทิศทางของช่องที่ชัดเจน ไม่หลงทาง
 
2. 🖼️Context - "สถานการณ์" หรือ "สภาพแวดล้อม" มันคือวิธีการที่เราเลือกเล่าเรื่องในสถานการณ์ไหน เวลาไหน หรือมุมไหนเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้น ทำให้เรื่องราวนั้นน่าสนใจ และเหมาะกับกลุ่มผู้ชม
 
 📚Plot - เส้นเรื่องหรือโครงเรื่องของคอนเทนต์ที่เราจะเล่า เป็นการลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดสิ้นสุด เปรียบเหมือนแผนที่ที่นำทางให้คนดูติดตามเรื่องราวของเรา [เริ่มต้น -> ความขัดแย้ง -> จุดไคลแม็กซ์ -> การแก้ปัญหา -> บทสรุป]
 
 🧍‍♂️Character - บทบาทของตัวละคร บุคคลหรือสิ่งที่เราจะใช้เล่าเรื่องในคอนเทนต์ ตัวละครไม่จำเป็นต้องเป็นคนเสมอไป
 
 🌈Visualise - การสร้างภาพหรือทำให้เรื่องราวที่เราเล่ามีความชัดเจนจนผู้ชมสามารถนึกเห็นภาพตามได้ เป็นการทำให้คอนเทนต์มีความ "เห็นได้" มากกว่าการพูดหรือเล่าเพียงอย่างเดียว
 
 🌟Value - คุณค่าที่ผู้ชมได้รับจากคอนเทนต์ของเรา เป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าคอนเทนต์ของเรามีความหมาย และเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขากลับมาดูคอนเทนต์ของเราอีก
 💎Emotional Value - ความรู้สึกที่เราต้องการให้ผู้ชมสัมผัสได้เมื่อดูคอนเทนต์ของเรา มันคือการทำให้ผู้ชมรู้สึกบางอย่าง เช่น ความสุข ความเศร้า ความตื่นเต้น หรือความรู้สึกเข้าใจ
 
3. 🔖IP (Intellectual Property) - IP หรือการสร้างตัวตนและลิขสิทธิ์ของแบรนด์ คือการออกแบบตัวตนของเราว่าแตกต่างจากคนอื่นยังไง ต้องมีเอกลักษณ์และสไตล์ที่ชัดเจน ถ้าทำได้ คุณจะกลายเป็นที่จดจำได้ง่าย
 
4. 📱Content Shortform - สมัยนี้คนดูไม่มีเวลามานั่งฟังยาวๆ หรอกครับ ต้องทำคอนเทนต์ที่กระชับและน่าสนใจ ต้องดึงดูดผู้ชมให้ได้ในทุกๆ3วินาที นั่นคือสิ่งที่ทำให้คนเลือกดูหรือปัดผ่าน
 
5. 📖✨Storytelling - อย่าเพิ่งตกใจว่า Storytelling ต้องเล่าให้ยาวเหยียด ยังไงมันก็ต้องเริ่มจากโครงสร้างของเรื่องที่แข็งแรง คุณจะเล่าเรื่องยังไงให้คนติดตาม คือต้องมีทั้ง “ICE Story Structure”, “ICE Story Mountain” และ “3SEC Framework” นั่นคือ 3 องค์ประกอบที่ทำให้คนดูไม่ปัดผ่าน
 
6. 🍹Cocktail Story: อันนี้เหมือนเทคนิคที่ใส่เพิ่มเข้าไป ให้เรื่องของคุณดูมีสีสันยิ่งขึ้น คล้ายกับการเติมส่วนผสมเข้าไปในเครื่องดื่มที่เป็นค็อกเทล ให้มีทั้งรสชาติที่หลากหลาย แต่ยังคงกลิ่นอายของเรื่องเดิมอยู่ โดยส่วนผสมของ ค็อกเทลแก้วนี้ จะประกอบด้วยฮอร์โมน3ตัว คือ โดพามีน(ฮอร์โมนแห่งความสุข) ยาโด๊ป, คอร์ติซอล(ฮอร์โมนแห่งความเครียด) เพื่อสร้างการจดจำ และ ออกซิโตซิน(ฮอร์โมนแห่งความรัก) เพื่อสร้างอารมณ์ที่เชื่อมโยงกับผู้ชม
 
7. ICE Story Structure (โครงสร้างเรื่องราวที่ถูกซ่อนภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง) - Impactful Start (เปิดให้น่าสนใจ) + Captivating Middle (เล่าสนุกให้คนติดตาม) + Engaging End (ปิดจบประทับใจ)
 
8. ICE Story Mountain - เรื่องราวที่ดีต้องมี “อุปสรรค” เรื่องราวจะน่าติดตาม มันต้องเป็นฟีลเหมือนเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ ไม่ใช่เป็นเส้นตรง มันน่าเบื่อ
 
9. 3SEC Framework - เราต้องดึงดูดผุ้ชมให้อยากดูต่อจนจบคลิปตั้งแต่5วินาทีแรก และจะต้องทำให้คนดูอยากติดตามในทุกๆ2-3วินาที
 
🎬 Action (ลงมือทำ)
นี่คือขั้นตอนที่หลายคนมักพลาดกัน ก็คือการลงมือทำจริง!
 
1. 🎥✍️Script & Filming: สคริปต์ที่ดีเหมือนมีแผนที่คอยนำทาง เราต้องเขียนสคริปต์ที่เป็นธรรมชาติ พูดกับคนดูเหมือนคุยกับเพื่อน และการถ่ายทำที่ต้องคิดถึงมุมกล้องต่างๆ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ ไม่ใช่แค่ตั้งกล้องถ่ายแบบสุ่ม ๆ
 
2. ✂️🎶Editing: การตัดต่อคือหัวใจที่ทำให้เรื่องของคุณมันน่าดู การใส่รูป เสียง แทรกเสียงเอฟเฟค หรือแม้แต่เสียงเพลง ต้องคิดว่าอะไรทำให้เรื่องของเราดูน่าสนใจมากขึ้น อย่าคิดว่าการตัดต่อคือแค่การเอาภาพมาต่อกัน มันคือการสร้างเรื่องราวให้สมบูรณ์
 
3. 🎞️✅VDO Content: ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ก่อนจะกดปุ่มโพสต์ ลองเช็กคอนเทนต์ของคุณอีกทีว่าใช่หรือยัง ตรวจดูให้ดีว่า 2-3 วินาทีแรกมันดึงดูดพอมั้ย เสียงตรงมั้ย ใช้คำผิดหรือเปล่า และที่สำคัญคืออย่าให้มีเพลงที่ติดลิขสิทธิ์
 
📢 Publish (เผยแพร่)
การเผยแพร่ไม่ใช่แค่กดโพสต์แล้วจบ แต่ต้องมีการติดตามและวิเคราะห์ด้วย
 
1. 📲🌐Publish: เลือกแพลตฟอร์มที่จะโพสต์ให้ถูก เช่น TikTok, YouTube, Facebook, หรือ Instagram แล้วแต่กลุ่มเป้าหมายของเรา
 
2. 📊🔍Analysis: หลังจากโพสต์แล้วต้องวิเคราะห์ผลลัพธ์ว่าเป็นยังไง ไม่ใช่แค่ยอดวิวเท่านั้น ต้องดู Engagement, Views, Saves, และ Comments ด้วย ว่ามันดีแค่ไหน
 
🚀 Content Funnel (เส้นทางการเล่าเรื่อง)
1. 💥Ignite: จุดประกายให้คนสนใจเรื่องของเรา
2. 🤝Connect: เชื่อมโยงให้คนรู้สึกว่าเรื่องของเราเกี่ยวข้องกับเขา
3. 💰Convert: สุดท้ายคือการเปลี่ยนให้เขาเป็น FC ที่รักและติดตามเราจนยอมเสียเงินซื้อสินค้าหรือบริการ
 
ทำซ้ำและเรียนรู้อยู่เสมอ!
อย่าลืมว่า เราต้องลงสนาม ไม่มีคอนเทนต์ไหนที่สมบูรณ์แบบในครั้งแรก ทุกอย่างต้องมีการปรับปรุง พัฒนา และทำซ้ำจนกว่าคุณจะเจอสูตรสำเร็จของคุณเอง
 
แล้วเจอกันวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ครับ✌✌
 
#ไอซ์เรื่องง่ายได้เงิน 
#จะต้องมีสตอรี่ให้ลูกค้าเห็นภาพ 
#lativestudio 
#StorySELLing

เขียนโดย : นายเอกพงศ์  มุสิกะเจริญ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ekapong@mhesi.go.th