Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
แผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC-Creative Lanna) ด้วยแนวคิด BCG Economy 387
จากบล็อกครั้งก่อนนี้ ที่ได้นำเสนอข้อมูลในหัวข้อ “อว. กลไกร่วม ขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษและ ภาพรวมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (ม.ค. – พ.ย. 2566)”ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลประเด็นการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งประเทศ รวมทั้งบทบาทของ อว. ซึ่งถือได้ว่ากลไกสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักเพื่อขับเคลื่อน “สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี” ในพื้นที่เป้าหมายเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภูมิภาค แล้วนั้น
บล็อกนี้ จึงจะขอนำเสนอเป็นข้อมูลการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อน “แผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC- Creative Lanna) ด้วยแนวคิด BCG Economy”ซึ่งเกิดจากการระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เพื่อบูรณาการข้อมูลองค์ความรู้ แนวคิด ประเด็นความต้องการที่สอดคล้องตามบริบทการพัฒนาในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูนและลำปาง ซึ่งกำหนดเป็นพื้นที่พัฒนาภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ในฉบับนี้
แผนแม่บทดังกล่าวนี้ เกิดจากการดำเนินงานของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC- Creative Lanna) ด้วยแนวคิด BCG Economy เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) เขตเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ
ทั้งนี้ บพท. ได้สนับสนุนทุนวิจัยนวัตกรรมให้อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินโครงการพัฒนาแผนแม่บทเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ด้วยแนวคิด BCG Economy ภายใต้แผนงาน การพัฒนาเมืองและกลไกการเติบโตใหม่ โปรแกรมที่ 15 การพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญโดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมุ่งเน้นการพัฒนาศูนย์กลางความเจริญเมืองอัจฉริยะเมืองน่าอยู่และเมืองที่ได้รับการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือร่วมกับจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง อีกทั้งเพื่อผลักดันการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ให้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะนำมาซึ่งการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการแข่งขันของประเทศ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
โครงการการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือฯ นับว่าเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรฐกิจของภาคเหนือให้เติบโตไปข้างหน้า การระดมสมองและบูรณาการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคมในพื้นที่ จึงเป็นที่มาของการเกิดโครงการเรือธง (Flagship Projects) สำคัญ 4 โครงการได้แก่
1.ประตูสู่ความร่วมมือและเชื่อมร้อยอารยธรรมลุ่มน้ำ
2. เมืองแห่งสุขภาพและสุขภาวะของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ
3. เขตอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และสุขภาพภาคเหนือ
และ 4. นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว และศูนย์กลางโลจิสติกส์
โครงการเรือธงเหล่านี้จะเชื่อมร้อยห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และอุตสาหกรรมดิจิทัล ที่เป็นคลัสเตอร์เป้าหมายของระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือให้เติบโตได้อย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเหนือบนฐาน Bio-Circular-Green Economy ด้วย NEC BCG Innovation Platform จะช่วยให้การนำนโยบายไปสู่แผนการปฏิบัติในพื้นที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
แพลตฟอร์มนี้เป็นการเชื่อมโยงโครงการเรือธง และโครงการที่จะปิดช่องว่างการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจของภาคเหนือ เพื่อเติมเต็มห่วงโซ่คุณค่า อุตสาหกรรมเป้าหมายของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ ตลอดต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จากการผสานความร่วมมือ 4 จังหวัดภาคเหนือ โดยรวมโครงการภายใต้แผนแม่บท NEC ดังกล่าวมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 140,000 ล้านบาท
หากผนวกกับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของภาคเหนือ อาทิ รถไฟทางคู่ (เด่นชัย-เชียงใหม่/ เด่นชัย-เชียงของ) สนามบินเชียงใหม่แห่งที่สอง มอเตอร์เวย์เชียงใหม่-เชียงราย ที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 350,590 ล้านบาท จะส่งผลให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และอุตสาหกรรมดิจิทัลใน 4 จังหวัดแกนกลางเพิ่มขึ้น
โดยจะส่งผลให้เกิดผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหลักรวม 500 ราย เกิดผลิตภัณฑ์และบริการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 500 ผลิตภัณฑ์ เกิดเมืองหรือย่านสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น เกิดเทศกาลสร้างสรรค์เชื่อมโยงเมืองต่างๆ ดึงดูดจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านคน เกิดการจ้างงานกว่า 2.9 ล้านตำแหน่งต่อปี
จะก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูนและลำปาง 221,868 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มการเติบโตของ จีดีพีรวม 4 จังหวัดเป็น 1 เท่า มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2577
สรุปภาพรวมแผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ด้วยแนวคิด BCG Economy
ประกอบไปด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 15 แนวทาง และ 16 แผนงาน
หากสนใจอยากศึกษาข้อมูลแผนแม่บท และ ข้อมูลจาก Power Point การนำเสนอผลการดำเนินงาน Click -- Down Load ได้ที่นี่ค่ะ
เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากเลยค่ะ ที่ อว. จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ด้วยงานด้าน อววน. ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้มีข้อมูล แผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคอื่นๆ ด้วยหรือไม่คะ?
แผนแม่บทการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ของภาคอื่น ๆ ทราบว่ากำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ ประจำภูมิภาคต่าง ๆ ค่ะ