Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล 76
การพัฒนารูปแบบการดำเนินภารกิจของภาครัฐสู่ความเป็นรัฐบาลดิจิทัล มี 5 ระดับ ได้แก่
- Tradition Government - รัฐบาลที่ขับเคลื่อนโดยงานกระดาษ
- Electronic Government- ไม่ได้เปลี่ยนกระบวนการทำงาน แต่ดูบนจอแทนกระดาษ
- DigitalGovernment -มีการเปลี่ยนกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ ให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
- Connected Government - มีการเชื่อมโยงการทำงานกันระหว่างแต่ละหน่วยงานของรัฐ
- Smart Government- ภาครัฐมีโครงสร้างพื้นฐานให้ประชาชน หรือเอกชนนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดได้
การดำเนินภารกิจของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล จะช่วยให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณในการพัฒนาการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้ตรงกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่จำเป็นมาใช้ในการดำเนินภารกิจของภาครัฐ
- มีการนำเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานมาใช้ (Cloud Computing)
- มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ (Big Data & Analytics)
- มีการปฏิสัมพันธ์กับคน (Touch point)
วิสัยทัศน์ (Vision) คือสิ่งที่ภาครัฐอยากให้ประเทศหรือประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างไรในอนาคต โดยจะถูกถอดรหัสออกเป็นพันธกิจ (Mission) ว่าจะต้องมีเงื่อนไขอย่างไรบ้างจึงจะทำให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ ซึ่งพันธกิจถูกกำหนดโดยวัตถุประสงค์หรือเป้าประสงค์ (Objective) เพื่อให้สามารถนำมาปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้เพื่อให้ภารกิจให้สำเร็จ
เทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนางานด้านบริการและการสื่อสารข้อมูลของภาครัฐ มีหลายช่องทาง ดังนี้
- Cloud and Mobile ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
- Internet of Things (IoT) ทำให้ได้ใช้และบริหารจัดการบนทุกอุปกรณ์
- Big DATA Analysis ช่วยประมวลผลทุกข้อมูล
- Social Network ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลบริการของภาครัฐได้ง่ายขึ้น ผ่านการประชาสัมพันธ์ต่างๆ
สถาปัตยกรรมองค์กร เป็นพื้นฐานของการปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัล เพื่อให้การจัดสรรทั้งคน เงิน งบประมาณไปด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งประกอบด้วย โครงสร้างองค์กรยุคใหม่,โครงสร้างข้อมูล (DATA), โครงสร้างบริการ (Application Service) และโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งทั้ง 4 โครงสร้างจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์องค์กร
ขั้นตอนการจัดทำสถาปัตยกรรมองค์กรและกระบวนการทำงานขององค์กร มีดังนี้
- กำหนดขอบเขต (Scope)
- วิเคราะห์บริการองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Business Architecture) ทั้งภายในและภายนอก - ประกอบด้วย ApplicationArchitecture, Data Architecture และ Technology Architecture
- การทำ Road Map
- ธรรมาภิบาล (Good Governance)
แนวทางการพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
- เราต้องทราบว่าต้องการพัฒนาแบบใด
- กระบวนการต้องเรียบง่ายเท่าที่จะเป็นไปได้
- กระบวนการทำงานต้องโปร่งใสและเป็นธรรม
วิธีการวัดระดับความสามารถของกระบวนการทำงาน ประกอบด้วย 4ขั้น ได้แก่
- Silo - ทำแบบของใครของมัน จะเชื่อมโยงการทำงานยาก
- Standardization- มีมาตรฐานในการทำงาน มีตัวชี้วัดภายในหน่วยงาน
- Optimization- มีการตัดลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป สามารถเชื่อมโยงการทำงานกับหน่วยงานอื่นได้
- Modularity -มีการใช้ซ้ำกระบวนการขั้นตอนหรือกระบวนการเดิม สามารถนำไปต่อยอดบริการใหม่ๆ ได้ตลอด
การนำความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมมาการประยุกต์สู่กระบวนการทำงานในโครงการ สามารถทำได้โดยการสร้างความเข้าใจ ลดขั้นตอน และการให้บริการที่ลดความซ้ำซ้อน
การพัฒนากระบวนการทำงานในแนวทางปฏิบัติ มีขั้นตอนดังนี้
- Black-box phase - รวบรวมข้อมูล Outcome ของแต่ละงาน
- Structuring phase - วิเคราะห์ข้อมูลออกมาเป็นกลุ่มขั้นตอนใหญ่ เพื่อดูความพร้อม จะได้โครงสร้างองค์กร และ Output ของแต่ละหน่วยงานออกมา
- Re-construction phase - แยกแยะเงื่อนไขที่จะทำให้งานไปต่อได้ หรือไม่ได้ อาจเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น
- Instrumentation phase - ดักจับข้อผิดพลาดทั้งหมดในขั้นตอนย่อย
การลดขั้นตอนในกระบวนการทำงาน สามารถทำได้โดย
- การลดการใช้กระดาษซ้ำซ้อน
- ลดจำนวนคนที่คอยอนุมัติในแต่ละงาน
- มีจังหวะในการตรวจสอบ
- รายงานผลความก้าวหน้าในการทำงาน
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการลดขั้นตอนกระบวนการทำงาน สามารถทำได้โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานแทนและการนำเข้าข้อมูลโดยใช้เซนเซอร์ (Internet of Things: IoT) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันล่าสุด (Realtime Update) และเมื่อมีการใช้เทคโนโลยีช่วยสรุปข้อมูล ก็จะสามารถเติมเต็มความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และช่วยเพิ่มความโปร่งใสของข้อมูลได้มากขึ้นด้วย
ที่มา : https://learningportal.ocsc.go.th/learningspace/learn/courses/1096
(รายวิชา: การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล)