เกิดเป็นมนุสฺส (คน) ต้องทำปุญฺญ(กิริยาวัตถุ ๑๐) ต่อ จึงจะมาเกิดเป็นคนได้อีกครั้ง  30

คำสำคัญ : มนุสฺสเกิดได้ยาก  คนไม่ได้มาจากลิง  

ต้นกำเนิดของคน (มนุสฺส) ไม่ได้มาจากลิง แต่มาจากจิต ๑ ในอเหตุกจิต ๑๘ ซึ่งเป็นผล (วิปาก) มาจากการทำปุญญกิริยาวัตถุ ๑๐

จิตที่พามาเกิดเป็นมนุสฺส (คน) คือ "อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง กามาวจร อเหตุกกุสลวิปากจิต" รวมทั้งเทวดาชั้น ๑ คือชั้นจาตุมหาราชิกาที่อยู่ใกล้มนุสฺส แต่คนละมิติ ของมนุสฺส อยู่ในระบบจักรวาล ของเทวดา อยู่ในอัชฎากาส ๑ ใน ๕ ชนิดของอากาส

คน หรือ มนุสฺส มี ๔ แบบ (๑) มนุสฺสนิรโย ชอบโกรธ โมโห น้อยใจเสียใจ (๒) มนุสฺสเปโต ชอบเอาเปรียบกอบโกยไม่เสียสละ รวยไม่หยุด (๓) มนุสฺสติรัจฉาโน คนเหมือนสัตว์ หากิน แย่งชิง เก็บสะสม ไม่แบ่งปัน และหากมาเรียนรู้ธัมม ข้อ ปุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่างถูกต้อง จึงได้ชื่อว่า (๔) มนุสฺสเทโว

มนุสฺส โชคดีกว่าเทวดา มีเวลาให้เรียนรู้ เรียกว่า สิกขาธัมม ได้ง่ายได้รวดเร็วถ้ารู้ถูก ส่วนเทวดา เสวยผลปุญญ เพลิดเพลินในทิพยวิมานและชีวิตคู่ น้อยนักที่ได้มาฟังธัมม ยกเว้นในสมัยพุทธกาล

ลิง เป็นสัตติรัจฉาน ๑ ใน อปายภูมิ ๔ คือ สัตตนรก เปตะ อสุรกาย และสัตติรัจฉาน คนตายไปต้องไปนรกขุม ๘ ชื่อ อเวจีก่อน แล้วค่อยขยับขึ้นขุม ๗ ขุม ๖ จนถึง ขุม ๑ พร้อมขุมบริวาร รวมทั้งหมด ๔๕๖ ขุม ลงไปในอัชฎากาสที่มืดมิดในที่ห่างไกลมนุสฺส ๘๔๐๐๐ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กม.) หรือลึกกว่า ๑.๔ ล้าน กม. หรือ ๓๓ รอบโลก หลังเสวยทุกขวิปากในนรกแล้ว ขึ้นมาเป็น เปตะ ๑๒ หรือ ๒๑ จำพวก ต่อจากเปตะ ขึ้นมาเป็น อสุรกาย ๓ พวก และขึ้นมาเป็นสัตติรัจฉาน ๔ พวก ได้แก่ สัตว์ไม่มีขา สัตว์สองขา สัตว์ศี่ขา และสัตว์มากกว่าสี่ขา

สรุปว่า ลิงและสัตต์อปาย มาจากจิต ๑ ใน ๑๒๑ ชื่อว่า "อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง กามาวจรอกุสลวิปากจิต" 

ดังนั้น ถ้าหากว่าเราไม่มารู้จักเหตุ คือ ปรมัตถธัมม ๔ ได้แก่ จิต ๑๒๑ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ นิพพาน ๑

จะไม่รู้ไม่เข้าใจในธัมมของปรมัตถอนุตตรสัมมาสัมพุทธ ๓ ธิกะ คือ ปัญญาธิกะ (๒๐ อสงไขย) ยุคเรา สัทธาธิกะ (๔๐ อสงไขย) วิริยาธิกะ (๘๐ อสงไขย) ยุคพระสรีอริยเมตตรัย ได้เลย มนุสฺส จึงต้องจำพื้นฐานทั้ง ๔ นี้ก่อน จะไปรู้เรื่อง ปุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ซึ่งเป็น ผล แล้ว

ปุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ มี ๒ แบบ (๑) เป็นมโนกัมม มี ๙ ข้อ คือ ทาน ภาวนา อปจายนะ เวยยาวัจจะ ปัตติทาน ปัตตานุโมทนา ธัมมัสสวนะ ธัมมเทสนา ทิฏฐุชุกัมม์ (๒) เป็นกายกัมม และ วจีกัมม คือ สีละ จะไปใส่ปาตะ ต้องคิดในใจคือมโนกัมมก่อน แล้วจึงใช้สีละคือกายกัมม วจีกัมม ตัวเราไปใส่ปาตะ 

มนุสฺส คนเราโชคดีที่ได้มีโอกาสทำปุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ และ กุสลกัมมปถ ๑๐

ปรมัตะพุทธะ ตรัสว่า มนุสฺส เกิดได้ยาก แต่การมารู้ธัมม สิกขาธัมมที่ถูกต้อง ยากยิ่ง


เขียนโดย : ดร. สรรณพ  นาควานิช สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : sannop@mhesi.go.th