Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
ปฐมบท จากม่อนล้านโมเดล สู่ ครูนวัตกร 73
ปฐมบท จากม่อนล้านโมเดล สู่ ครูนวัตกร 73
ปฐมบท ม่อนล้านโมเดล: จุดเริ่มต้นสู่การสร้างครูนวัตกร เมื่อครูกลายเป็นนวัตกรที่เปลี่ยนแปลงชุมชน
เสียงเคาะประตูบ้านบนดอยม่อนล้านในยามเช้าตรู่ของวันหนึ่งในปี 2560 อาจดูเหมือนเป็นเพียงการเยี่ยมเยือนธรรมดา แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะส่งผลต่อไม่เพียงแค่ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ แต่จะกลายเป็นต้นแบบสำคัญในการพัฒนาชุมชนทั่วประเทศในอนาคต
จุดเริ่มต้นที่ไม่ง่ายนัก: เมื่อคลินิกเทคโนโลยีเจอกำแพงใหญ่
ย้อนกลับไปในปี 2560 ปค.ภาคเหนือ หรือ ศวภ.1 ในตอนนั้น กำลังเผชิญกับปัญหาที่หลายหน่วยงานพัฒนาชุมชนพบเจอ นั่นคือ "ความไม่ง่าย" ในการเข้าถึงปัญหาที่แท้จริงของชุมชน แม้ว่าคลินิกเทคโนโลยีจะมีองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมาย แต่การลงพื้นที่เคาะประตูบ้านเพื่อถามปัญหามักจะได้รับคำตอบที่ผิวเผิน ไม่ลึกซึ้งพอที่จะพัฒนาเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ได้จริง
เหตุผลไม่ใช่เพราะชาวบ้านไม่อยากบอก แต่เป็นเพราะความไม่คุ้นเคย ความไม่ไว้วางใจ และบางครั้งก็ไม่รู้จะบอกอย่างไร ปัญหาจริงๆ ของชุมชนมักจะซ่อนอยู่ลึกกว่าที่เห็น ต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ การเข้าใจบริบท และที่สำคัญคือต้องมี "คนกลาง" ที่ชุมชนไว้วางใจอยู่แล้ว
นี่คือจุดที่อาจารย์ไพโรจน์ วรพจน์พรชัย จากคลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผู้บุกเบิกการทำงานในชุมชนพื้นที่สูง เริ่มมองหา "กลไก" ที่จะช่วยเชื่อมโยงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับความต้องการที่แท้จริงของชุมชน และคำตอบที่พบคือ "ครู กศน."
ครู กศน.: กลไกที่ใกล้ชิดชุมชนที่สุด
ครู กศน. เป็นบุคลากรที่มีบทบาทพิเศษในสังคมไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ครูสอนหนังสือ แต่เป็นหลายบทบาทในคนเดียว ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของชุมชน บางครั้งพวกเขาเป็น "พ่อแม่" ที่คอยดูแลเด็กๆ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา บางครั้งเป็น "พี่น้อง" ที่คอยปรึกษาปัญหาชีวิต บางครั้งเป็น "คุณหมอ" ที่ให้ความรู้ด้านสุขภาพอนามัย และบางครั้งก็เป็น "ที่ปรึกษา" ที่ช่วยแนะนำเรื่องอาชีพและรายได้ พวกเขาอาศัยอยู่ในชุมชน กินอยู่กับชาวบ้าน เข้าใจปัญหาและบริบทในทุกมิติ
การเกิดขึ้นของครู อสวท. รุ่นแรก: ความหวังใหม่ในเดือนกรกฎาคม
แนวคิดนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจาก ท่านศุภกร ศรีศักดา ผู้อำนวยการ กศน.จังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้น ท่านเป็นผู้นำที่มองการณ์ไกล เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่การพัฒนาทักษะครู แต่เป็นการสร้างรูปแบบการทำงานแบบใหม่ที่ "ข้ามกระทรวง" ข้ามเครือข่าย เป็นการเปิดโอกาสให้ครูได้เข้าถึงองค์ความรู้จากหน่วยงานภายนอกที่เต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่หลากหลาย
และที่สำคัญที่สุด ท่านเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะ "ลองทำอะไรใหม่ๆ ร่วมกัน" โดยไม่ติดกรอบของระเบียบราชการหรือความเคยชินในการทำงาน
ดังนั้น ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 กิจกรรม "เติมความรู้ครู อสวท. รุ่นที่ 1" จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ มีครู กศน. จากทุกอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่เดินทางมาร่วมกิจกรรมจำนวนถึง 31 คน แต่ละคนต่างมาพร้อมกับคำถามมากมายในหัว "เรามาทำอะไรกัน?" "จะได้อะไรกลับไป?" "และจะต้องทำอะไรต่อ?"
กิจกรรม 2 วัน อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ วันแรกเป็นการให้ความรู้ด้านต่างๆ ตั้งแต่บทบาทของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แนวทางการสนับสนุนงบประมาณ ไปจนถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ วันที่สองมีการศึกษาดูงานที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับครูหลายคนที่ไม่เคยคิดว่าวิทยาศาสตร์ขั้นสูงสามารถเชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชนได้
แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ Workshop ในตอนท้าย ที่ครูทุกคนได้นั่งลงมาระดมความคิด สะท้อนปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของชุมชนที่พวกเขารับผิดชอบ มีเครือข่ายคลินิกเทคโนโลยีภาคเหนือหลายแห่งเข้ามาร่วมฟัง ร่วมวิเคราะห์ ร่วมหาแนวทาง และที่สำคัญคือ "ร่วมคิด" ว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
ผลลัพธ์ที่ออกมาเกินความคาดหมาย ภายในเวลาเพียง 2 วัน เกิดแผนงานโครงการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถึง 20 โครงการ แต่ละโครงการล้วนมาจากปัญหาจริงและความต้องการจริงของชุมชน ไม่ใช่โครงการที่คิดบนโต๊ะทำงานในกรุงเทพฯ
และหนึ่งในโครงการที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งจะกลายมาเป็นต้นแบบที่สำคัญในภายหลัง คือ ร่างโครงการ "ม่อนล้านโมเดล" ที่ครู กศน.จากอำเภอพร้าว โดยเฉพาะ "ครูน้อง" ได้ร่วมกับคลินิกเทคโนโลยี มทร.ล้านนา พัฒนาขึ้นมา
การก่อรูปของม่อนล้านโมเดล: จากความฝันสู่ความจริง
หลังจากกิจกรรมจบลง ร่างโครงการม่อนล้านโมเดลไม่ได้ถูกทิ้งไว้เป็นเพียงเอกสาร แต่กลับได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง ศวภ.1 หรือ ปค.ภาคเหนือ เข้ามาทำหน้าที่ประสานงานและจัดตั้งคณะทำงานอย่างเป็นทางการ โดยดึงหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด อว. หลายคลินิกเทคโนโลยีในภาคเหนือ และภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วมกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือการจัดทำแผนงานระยะ 3 ปี ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่แผนบนกระดาษ แต่เป็นแผนที่มี "แนวทางการพัฒนาพื้นที่ตลอดห่วงโซ่คุณค่า" ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ การแปรรูป การสร้างมูลค่าเพิ่ม ไปจนถึงการตลาดและการสร้างแบรนด์
โครงการม่อนล้านโมเดลมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์จากชุมชนบนดอยม่อนล้าน ซึ่งประกอบด้วย 7 หย่อมบ้าน แต่ละหย่อมบ้านมีศักยภาพและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน การทำงานจึงต้องคำนึงถึงความหลากหลายนี้ด้วย ที่สำคัญคืออาจารย์ไพโรจน์ วรพจน์พรชัย ผู้เป็นแกนนำผลักดันโครงการในครั้งนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้โครงการนี้ไม่ใช่แค่โครงการบนกระดาษ แต่ต้องเกิด "ผลงานที่เป็นรูปธรรม" ที่สัมผัสได้ ใช้ประโยชน์ได้จริง โครงการขับเคลื่อนด้วยงบประมาณจาก กปว. ภายใต้โครงการหมู่บ้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการทำงานก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นระบบ
ผลสำเร็จที่เกินความคาดหมาย: เมื่อชุมชนเปลี่ยนไป
หากมองผิวเผิน อาจคิดว่าโครงการม่อนล้านโมเดลเป็นเพียงอีกหนึ่งโครงการพัฒนาชุมชนทั่วไป แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการไว้ ผลิตภัณฑ์ 23 รายการ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่สินค้าธรรมดา แต่ละรายการล้วนผ่านกระบวนการพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่การปรับปรุงสูตร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม การยืดอายุการเก็บรักษา ไปจนถึงการสร้างเรื่องราว (storytelling) ให้กับแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความน่าสนใจ แผนการท่องเที่ยวชุมชน ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การพาคนมาเที่ยว แต่เป็นการสร้าง "ประสบการณ์" ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ของชุมชน นักท่องเที่ยวไม่ได้แค่มาชม แต่มาเรียนรู้ มาสัมผัส และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชั่วคราว
ศูนย์ถ่ายทอดวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมประจำตำบลเวียง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ที่เปิดขึ้นไม่ใช่แค่อาคารหรือสถานที่ แต่เป็น "ศูนย์กลางการเรียนรู้" ของชุมชน เป็นที่ที่ชาวบ้านสามารถมาขอคำปรึกษา มาเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และที่สำคัญคือเป็นฐานปฏิบัติการในการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าผลลัพธ์เหล่านี้คือ การบูรณาการการทำงาน ที่เกิดขึ้น ม่อนล้านโมเดลไม่ได้ทำงานโดดเดี่ยว แต่ได้ดึงหน่วยงานต่างๆ เข้ามาร่วมงาน ทั้งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) คลินิกเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในภาคเหนือ โครงการออมสินยุวพัฒน์ โครงการหลวง และหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ละหน่วยงานเข้ามาช่วยในจุดที่ตนเองถนัด บางแห่งช่วยเรื่องเทคโนโลยี บางแห่งช่วยเรื่องการตลาด บางแห่งช่วยเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทำงานแบบนี้ทำให้ชุมชนไม่ต้องพึ่งพาหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มีเครือข่ายที่พร้อมจะช่วยเหลือในด้านต่างๆ
และที่สำคัญที่สุด ความยั่งยืน ของโครงการนี้ไม่ได้มาจากงบประมาณหรือโครงการที่ยังดำเนินอยู่ แต่มาจาก "คน" นั่นคือ "ครูน้อง" และอาจารย์ไพโรจน์ ปค.ภาคเหนือ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยท้อแท้ แม้จะเจอปัญหาและอุปสรรคมากมาย ยังคงขยายผลการทำงาน ยังคงคิดโครงการใหม่ๆ ยังคงพัฒนาชุมชนอำเภอพร้าวด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จนถึงทุกวันนี้
บทเรียนราคาแพง: ความล้มเหลวของครู อสวท. รุ่นที่ 2
ด้วยความสำเร็จของม่อนล้านโมเดล ในปี พ.ศ. 2561 จึงมีความพยายามขยายผลไปยังพื้นที่อื่น เกิดโครงการพัฒนาครู อสวท. รุ่นที่ 2 ขึ้น โดยขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังอีก 5 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน มีครู อสวท. รุ่นที่ 2 เกิดขึ้นอีก 55 คน
ทุกคนมีความหวังว่าความสำเร็จของม่อนล้านจะสามารถทำซ้ำได้ในพื้นที่อื่น แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น โครงการในรุ่นที่ 2 ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และหลายพื้นที่ก็ค่อยๆ หยุดชะงักลง
เหตุผลสำคัญมีหลายประการ ความห่างไกลของพื้นที่ ทำให้การติดตามงานทำได้ไม่ต่อเนื่อง การเดินทางเข้าพื้นที่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมาก ไม่สามารถพบปะหารือได้บ่อยเหมือนม่อนล้าน
ความไม่เข้าใจ ระหว่างหน่วยงานที่เข้ามาร่วมงาน บางหน่วยงานยังไม่เข้าใจรูปแบบการทำงานแบบบูรณาการ บางหน่วยงานก็ติดกรอบระเบียบของตัวเอง ทำให้การประสานงานเป็นไปอย่างยากลำบาก
และที่สำคัญที่สุดคือ ขาดความต่อเนื่องในการประสานการทำงาน บางพื้นที่เริ่มต้นได้ดี แต่พอเจอปัญหาหรืออุปสรรคเล็กน้อยก็ไม่มีใครคอยผลักดันให้เดินหน้าต่อ ไม่มี "คนกลาง" ที่เข้มแข็งเหมือน "ครูน้อง" หรือ "อาจารย์ไพโรจน์" ที่จะคอยผูกมัดทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน
ผลที่ตามมาคือ จาก 55 คน ที่เคยเป็นครู อสวท. รุ่นที่ 2 ส่วนใหญ่กลับไปทำงานประจำตามเดิม ไม่ได้นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาชุมชนอย่างจริงจัง มีเพียง "ม่อนล้านโมเดล" เท่านั้นที่ยังคงหยัดยืน ยังคงเดินหน้า ยังคงเป็นประภาคารส่องทางให้กับการพัฒนาชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม
บทเรียนจากความล้มเหลวครั้งนี้มีค่ามาก มันบอกเราว่า การพัฒนาชุมชนไม่สามารถทำซ้ำแบบ Copy & Paste ได้ ทุกพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน ทุกชุมชนต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน และที่สำคัญที่สุด ต้องมี "คน" ที่เข้มแข็งในพื้นที่ ที่พร้อมจะทุ่มเท มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
การฟื้นคืนชีพ: แนวคิดใหม่ในปี 2567
เวลาผ่านไปหลายปี แต่บทเรียนจากม่อนล้านโมเดลและความล้มเหลวของรุ่นที่ 2 ไม่ได้ถูกลืม ในปี พ.ศ. 2567 ผอ.เอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.) ได้กลับมามองดู "ม่อนล้านโมเดล" อีกครั้ง
ท่านเห็นว่านี่คือ "โมเดลนำร่องที่ดี" ที่สามารถเป็นต้นแบบได้ แต่การขยายผลครั้งนี้ต้องไม่ทำผิดพลาดแบบเดิม จึงมอบหมายให้ ปค.ภาคเหนือ วางแนวทางที่รัดกุมและเหมาะสมกว่าเดิม กปว. คาดหวังที่จะสร้างกระบวนการเพื่อพัฒนาครู สกร. สู่ “ครูนวัตกร” อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านหลักสูตรการพัฒนาทักษะนวัตกรรม เช่น การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ด้านการอ่าน เขียนภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ทักษะด้านคณิตศาสตร์ การพัฒนาทักษะอาชีพชุมชน และ การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างครูที่มีองค์ความรู้ด้าน ววน.ที่หลากหลาย สามารถสร้างโครงการพัฒนาชุมชนด้วย ววน. หรือ เป็นครูที่มีทักษะเฉพาะด้านในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ด้วย ววน. ได้ในอนาคต
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ (เข้าอ่านเพิ่มเติมผ่าน Browser microsoft edge)
1 : “จาก ‘ครูอสวท’ ผู้ร่วมสร้าง ‘ม่อนล้านโมเดล’ … (EP : 1 จุดเริ่มต้น).” http://clinictech.ops.go.th/online/cmo/site_blog_show.asp?id=641
2 : “จาก ‘ครูอสวท’ ผู้ร่วมสร้าง ‘ม่อนล้านโมเดล’ ในวันนั้น ต้นแบบสู่การสร้าง ‘ครูนวัตกร’ Innovative Teacher ในวันนี้ (EP : 2 Up skill Re skill & New skill)” http://clinictech.ops.go.th/online/cmo/site_blog_show.asp?id=646
----------------------------------------------------
สามารถติดตาม ข้อมูลข่าวสารหรือบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ จากเรา เครือข่าย อว.ภาคเหนือ ได้ที่
Fan page : เครือข่าย อว.ภาคเหนือ
#อว #กระทรวงอว #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #MHESI #กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #กปว #chiangmai #thailand #เครือข่ายอวภาคเหนือ