Knowledge Sharing ชุมชนแห่งการเรียนรู้...
การบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ ผ่านกลไก อว.ส่วนหน้า 17

การบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ ผ่านกลไก อว.ส่วนหน้า
ความร่วมมือระหว่างสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ สสน. ยกระดับการบริหารและจัดการน้ำ โดยการที่มีกลไกในการขับเคลื่อนงานด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จึงเป็นหัวใจสำคัญจะเพื่อให้ลดปัญหาด้านทรัพยากรน้ำและสร้างความยั่งยืนในพื้นที่ และในปัจจุบันทั่วโลกต่างประสบกับปัญหาในเรื่องความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ปริมาณฝนที่ตกเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่าในอดีต การกระจายตัวของฝนที่มีการกระจุกตัว ฝนตกหนักและรุนแรงในบางพื้นที่ขณะที่บริเวณข้างเคียงกลับไม่มีฝนตก ซึ่งประเทศไทยในส่วนของการทำเกษตรกรรมได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน ทั้งการที่อุณหภูมิต่างไปจากอดีตส่งผลต่อการผลิดอกออกผลของพืช และการที่ฝนตกลดลงทำให้ขาดแคลนน้ำ ไม่สามารถทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นแล้วเกษตรกรไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้พร้อมรับมือกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ได้พัฒนาระบบสารสนเทศภายใต้คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติสำหรับเป็นเครื่องมือหนึ่งที่หน่วยงานภาครัฐสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นระบบหรือแพลตฟอร์มที่สนับสนุนข้อมูลให้กับเกษตรกร ชุมชน หรือประชาชนทั่วไป นำไปประยุกต์ใช้และปรับวิถีการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์ วางแผนการพัฒนา และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ สามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลสารสนเทศเพื่อวางแผนการเพาะปลูกพืชได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอกับปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น หากทราบว่าอุณหภูมิในอีก 3 วันข้างหน้าจะมีแนวโน้มลดต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกไก่ที่เกษตรกรได้เพาะเลี้ยงไว้ ทำให้สามารถจัดเตรียมเครื่องปรับอุณหภูมิในโรงเรือนได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้ไม่เกิดความเสียหายต่อลูกไก่ หรือหากทราบว่าฤดูกาลเพาะปลูกในปีหน้าจะเข้าสู่สภาวะเอลนีโญ (มีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติ) จึงต้องทำการวางแผนเพาะปลูกให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำต้นทุนและทำการสำรองน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกได้ การประยุกต์ใช้ข้อมูลสารสนเทศจากคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติทำให้เกษตรกรสามารถลดปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพิ่มผลผลิตทางเกษตร เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ลดความเสียหายต่อผลผลิตการเกษตร สร้างความพร้อมรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสู่การพัฒนาเศรษฐกิจระดับประเทศ ผลักดันให้เกษตรกรไทยยกระดับสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ
เพื่อให้บูรณาการงาน 3 ศาสตร์ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ สู่การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดในทุกมิติ สร้างม้าเร็ว ที่จะรับประเด็นปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนของจังหวัด แล้วประสานงานหน่วยงานเจ้าขององค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหา
จึงควรพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทรัพยากรน้ำและสร้างความเข็มแข็งของการจัดการน้ำชุมชน
ตอบโจทย์ต่อสภาพปัญหาและความต้องการของพื้นที่
จึงได้มีการจัดโครงการพัฒนาหลักสูตรนักสารสนเทศจัดการน้ำชุมชนผ่านกลไกการถ่ายทอดองค์ความรู้การบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ผ่านกลไก อว.ส่วนหน้า ให้เป็นกลไกและเครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงและนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการจัดการน้ำไปพัฒนาพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนต่อไป
ผลการดำเนินงาน
-
เครือข่ายอาจารย์ นักศึกษา สถาบันการศึกษา 8 หน่วยงาน ดังนี้
- ภาคเหนือได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จังหวัดลำปาง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จังหวัดสกลนคร และ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
- ภาคกลางได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
- ภาคตะวันออกได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี
- ภาคใต้ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฏร์ธานี และ มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา จังหวัดสงขลา