Thailand Sovereign AI: เสาหลักใหม่ของความมั่นคงและการเติบโตในยุคปัญญาประดิษฐ์ของไทย  18

คำสำคัญ : Sovereign,  AI,  LLM  

Thailand Sovereign AI: เสาหลักใหม่ของความมั่นคงและการเติบโตในยุคปัญญาประดิษฐ์ของไทย

 

ช่วงนี้รัฐบาลเริ่มหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับการพัฒนาศักยภาพและทักษะผู้ใช้งาน AI หลายๆโครงการก็เริ่มจะผุดขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่กำลังของบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปี หลากหลายโครงการพัฒนาทักษะด้าน AI จึงมีให้เห็นในแทบทุกกระทรวง แต่ทว่าแค่มีทักษะด้าน AI มันยังไม่พอให้ไทยเรา “เป็นไท” ด้าน AI ได้หรอกครับ มันต้องพัฒนา AI ของตัวเองมาใช้งานให้ได้ และส่งเสริมให้คนไทยใช้ AI ไทยด้วย เพราะ..

โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอำนาจปัญญาประดิษฐ์ทศวรรษนี้ไม่เพียงเป็นยุคของดิจิทัล แต่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ ยุคแห่งอธิปไตยทางปัญญาประดิษฐ์ (Sovereign AI)ที่แต่ละประเทศต้องสร้างขีดความสามารถของตนเองในการพัฒนา ควบคุม และใช้งาน AI อย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีเป้าหมายเพื่อความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

 

Sovereign AI คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ

Sovereign AIหรือ อธิปไตยทางปัญญาประดิษฐ์ คือ ปัญญาประดิษฐ์แบบพึ่งพาตนเอง ซึ่งเป็นแนวคิดที่แต่ละประเทศควรมี AI เป็นของตนเอง โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐานและโมเดลภาษา โดยเจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ NVIDIAเน้นย้ำว่าหัวใจสำคัญของ Sovereign AI อยู่ที่ "ข้อมูล" ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของประเทศ จึงต้องเพิ่มขีดความสามารถของรัฐในการพัฒนา ใช้งาน และกำกับดูแลเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สำคัญ ด้วยทรัพยากร ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และกรอบนโยบายของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหลักจากต่างประเทศ

 

ประเทศไทยไม่สามารถอยู่เพียงในสถานะ “ผู้ใช้งาน AI” ได้อีกต่อไป แต่จำเป็นต้อง ก้าวขึ้นเป็น “ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI ที่มีอธิปไตยของตนเอง”เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงของข้อมูล และการเป็นผู้นำในเศรษฐกิจภูมิภาค ทำไมมันจึงสำคัญ ผมจะยกตัวอย่างกรณีศึกษาก้องโลกให้ฟังแล้วจะเข้าใจทันที

 

กรณีศึกษา: Trump ชนะเลือกตั้งจากพลัง AI และข้อมูล – บทเรียนสำคัญสู่ Sovereign AI ของไทย

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ได้กลายเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ทรงพลังที่สุดของการใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลและเทคโนโลยี AI เพื่อเปลี่ยนแปลงผลการเมืองระดับโลกโดยแคมเปญของ Donald Trump ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกผ่าน Facebook (Meta) ผนวกกับเทคโนโลยี Machine Learning เพื่อวางแผน “การชักจูงรายบุคคล (micro-targeting)” อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัท Cambridge Analytica ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวจาก Facebook ของผู้ใช้นับสิบล้านคนโดยไม่รู้ตัว และข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้สร้าง แบบจำลองจิตวิทยาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อเข้าใจความกลัว ความเชื่อ และแนวโน้มการตัดสินใจของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยออกแบบให้แคมเปญของ Trump สามารถ ส่งข้อความโฆษณาที่ “ถูกจริต” เฉพาะบุคคล ผ่าน Facebook Ads ได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์คือ การเปลี่ยนคะแนนเสียงของกลุ่ม swing states ที่นำไปสู่ชัยชนะเหนือ Hillary Clinton อย่างเหนือความคาดหมาย จะเกิดอะไรขึ้นหากข้อมูลการใช้ AI ของคนไทย จะถูกนำมาชักนำการเลือก การตัดสินใจของคนไทยทั้งผอง เราอาจจะกำลังคิดว่าเราเลือกเองตัดสินใจได้เอง “แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าความรู้และแนวคิดที่ผ่านเข้ามในการรับรู้ของเราไม่ได้ถูกชักนำโดย AI ของใคร”

 

สิ่งที่ต้องตระหนักเอาไว้ (ไม่ได้ให้ตระหนก) คือAI + ข้อมูล คืออาวุธทางยุทธศาสตร์ใหม่ที่สามารถเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง หรือชี้นำพฤติกรรมมวลชนได้ใครควบคุมข้อมูล = ควบคุมพฤติกรรมประชาชน การพึ่งพา platform ต่างชาติ เช่น Meta, Google โดยไม่มีกลไกอธิปไตยทางดิจิทัลในประเทศ อาจทำให้ไทยตกเป็น “สนามทดลอง” โดยที่รัฐไม่มีทางรู้หรือควบคุมได้

 

เราจึงต้องเร่งสร้าง Sovereign AI ของไทยควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะการใช้งานของประชาชนทั่วไปด้วย

เนื่องจากเรายังไม่มีกฎหมายควบคุมการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาอย่างจริงจัง และเพราะ AI ที่ใช้ในโซเชียลมีเดียไทยส่วนใหญ่ยังพัฒนาโดยบริษัทต่างชาติ และอิง “ค่าเริ่มต้น” ที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมหรือความซับซ้อนทางการเมืองของไทย และเพราะ “การปล่อยให้ข้อมูลประชาชนอยู่ในมือผู้อื่น” เท่ากับยอมจำนนต่ออธิปไตยของตนเองโดยไม่รู้ตัว ฟังดูน่ากลัวเกือบๆจะไปทางทฤษฎีสมคบคิด แต่ลองย้อนไปดูกรณีของทรัมป์ก็จะรู้เลยว่ามันเกิดขึ้นแล้ว

 

Thailand Sovereign AI ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือเกราะกำบังชาติในศตวรรษนี้และต่อๆไป คราวนี้ลองมาพิจารณากันคร่าวๆว่าสถานะ “เกราะกำบัง” ของเรามีแค่ไหน

จากการจับแพะชนแกะข้อมูลต่างๆที่ผมไล่อ่านไล่เซฟมา (เพราะสนใจเรื่อง Sovereign AI มาตั้งแต่ปีที่แล้ว) ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม Emerging AI Developersโดยมีความสามารถบางส่วน เช่น การพัฒนา NLP ภาษาไทย การใช้ AI ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสุขภาพ แต่ยัง ขาดโครงสร้างหลักสำคัญ ได้แก่:

  • Supercomputing Infrastructure สำหรับเทรนโมเดลขนาดใหญ่ แต่อย่างน้อยเราก็ยังมี “ลันตา LANTA” Supercomputer ของไทย (ใน สวทช.) ที่มีขีดความสามารถในการคำนวณ 8 ล้านล้านครั้งต่อวินาที ถูกจัดเป็นอันดับที่ 70 ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ก็ถือว่ายังพอมีอาวุธติดมือไว้ปกป้องอธิปไตยได้บ้าง (ชาว อว. ยืดอกภูมิใจได้นิดนึง)
  • Foundation Model ของไทยเอง แต่ช้าก่อน!! สวทช. มาแล้วจ้า นอกจากจะมี supercomputer แล้ว ยังมี “Pathumma LLM” Generative AI เทคโนโลยี วิจัยและพัฒนาโดย สวทช. มีความแม่นยำและสอดคล้องกับการใช้ภาษาไทยและบริบทของประเทศไทยทีมวิจัยมีแผนที่จะพัฒนาโมเดลพื้นฐาน (Foundation Model) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2568 นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับข้อมูลและทำให้ Pathumma LLM มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการให้บริการแก่ภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาให้ Pathumma LLM กลายเป็น “Agentic AI” ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ ที่สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างอัตโนมัติ (ดูมีความหวังขึ้นมาเลยเนอะ)
  • กฎหมายและนโยบายรองรับ Sovereign AIอันนี้ยังไม่ค่อยชัดเจนจริงๆ แต่ก็มันสัญญานที่ดีนะ ที่รัฐบาลตั้ง บอร์ด AI แห่งชาติ หรือชื่อเต็มๆคือ คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทย (อว.เราอยู่ในองค์ประกอบ 5 คน จาก 22 คนเลยนะครับ และยังมีท่าน ปอว. เป็นเลขาฯร่วมด้วย)
  • Talent pipeline ที่สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ อันนี้ก็ต้องเร่งพัฒนา แต่อย่างน้อยไทยเราก็ไม่ขี้เหล่นะ ดัชนีความพร้อมด้าน AI ของรัฐบาลไทยเราปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 35 ของโลกนะครับ ตามภาพ

 

ขอสรุปเลยนะกันครับ ความสำคัญของ Sovereign AI สำหรับไทย มีอะไรบ้าง

1.      ความมั่นคงของชาติ:ข้อมูลไทยต้องถูกประมวลผลบนระบบที่รัฐควบคุม ไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหล

2.      อธิปไตยทางดิจิทัล:ลดการพึ่งพา LLM และ AI model จากต่างประเทศที่อาจมี bias หรือไม่สอดคล้องกับบริบทไทย

3.      ความสามารถในการแข่งขัน:การมี AI ที่พัฒนาด้วยข้อมูล สื่อภาษา และวัฒนธรรมไทย จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ การศึกษา และนวัตกรรมโดยตรง

4.      การกำหนดอนาคต:ประเทศที่มี Sovereign AI จะมีอำนาจในการต่อรองในเวทีระหว่างประเทศด้าน AI governance

 

ข้อเสนอเชิงนโยบาย: สร้าง Thailand Sovereign AI Framework

รัฐบาลควรเร่งออกแบบและลงทุนในกรอบยุทธศาสตร์ Thailand Sovereign AIภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยมีแนวทางสำคัญ:

แนวทาง

รายละเอียด

หน่วยงานหลัก

1. สร้าง Foundation Model ภาษาไทย

สร้างโมเดล LLM ที่เข้าใจบริบทไทยอย่างลึกซึ้ง

วช., สวทช., สอวช., ม.มหิดล

2. พัฒนา AI Cloud & GPU Infrastructure

ลงทุนในระบบโครงข่าย AI ที่เป็นของรัฐ

DE, CAT, SIPA

3. จัดตั้ง Sovereign AI Institute

เป็นหน่วยงานกลางด้านกำกับ วิจัย และจริยธรรม AI

อว., สศช., กสทช.

4. บ่มเพาะ AI Talent & Startup

ให้ทุน-ฝึกอบรม-ตั้ง sandbox ให้ startup AI

อว.,NIA, อุทยานวิทยาศาสตร์, สวทน.

5. สร้างกรอบกฎหมายและมาตรฐาน AI

สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและจริยธรรม

สนง.กฤษฎีกา, กระทรวงยุติธรรม

 

หากไม่เริ่มวันนี้ เราจะไม่มีวันตามทัน

Sovereign AI ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ เงื่อนไขความอยู่รอด และการเป็นเจ้าของอนาคตของชาติ ประเทศที่ไม่ลงทุนตั้งแต่วันนี้ จะตกเป็นเพียง “ตลาดข้อมูล” ให้ชาติมหาอำนาจแข่งขันกันดึงผลประโยชน์จากข้อมูลของประชาชนเรา


เขียนโดย : นายสมบัติ  สมศักดิ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : sombat.s@most.go.th